ก่อนที่เราจะมาเป็นผู้ประกอบการวันหยุด เราลองมาดูกันก่อนว่าข้อดีของผู้ประกอบการวันหยุดคืออะไร จะได้ทราบว่าจะคุ้มกับเวลาวันหยุดที่ปกติเราจะมีอิสระทำอะไรก็ได้หรือไม่นะครับ
1. มีรายได้เพิ่มขึ้น
อันนี้น่าจะเป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด ความแตกต่างของงานอดิเรกกับงานที่เข้าข่ายการเป็นผู้ประกอบการวันหยุดก็คือเรื่องรายได้นี่แหละครับ คือถ้าทำเพราะอยากทำ ใจรักอย่างเดียว อันนั้นจะเป็นเพียงแค่งานอดิเรกครับ แต่ถ้าเราทำสิ่งที่เรารัก เราถนัด และสามารถสร้างรายได้ด้วย อันนี้จะเข้าข่ายการเป็นผู้ประกอบการวันหยุดแล้ว
2. ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำ
หลายคนที่อยากเป็นผู้ประกอบการ แต่ไม่ได้ทำสักที ก็เพราะว่ากลัวว่าถ้าลาออกมาแล้ว เกิดมาเป็นผู้ประกอบการแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ คราวนี้เดือดร้อนเลย บางคนมีภาระทางการเงิน ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไหนจะมีครอบครัวต้องดูแล คิดแบบนี้ก็เลยไม่กล้าที่จะเป็นผู้ประกอบการ แต่ผู้ประกอบการวันหยุดนั้น เราใช้เวลาว่างในวันหยุด หรือ ตอนไหนก็ได้ที่เราไม่ได้ทำงานประจำ เช่น ตอนเย็น ๆ มาทำธุรกิจ ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือจะทำงานประจำดี แต่เราสามารถทำควบคู่กันไป
และหากลองทำธุรกิจดูแล้ว ไปไม่ได้ ไม่สำเร็จ เราก็ไม่เดือดร้อนมากเพราะเรายังมีงานประจำอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ ผมเชื่อว่าเราจะกล้าที่จะออกมาเป็นผู้ประกอบการกันมากขึ้น
3. ได้ทดสอบว่าสิ่งที่เราอยากทำนั้น เราชอบจริง ๆ หรือไม่
หลายคนมีความฝันอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่เอาเข้าจริงแล้ว เขาอาจจะไม่รู้ว่าการเป็นผู้ประกอบการนั้นมีกิจกรรมอะไรอีกหลายอย่างมากกว่าสิ่งที่เขาคิด เช่น เราชอบกินคุ้กกี้มาก ๆ เลยคิดว่าอยากทำคุ้กกี้อร่อย ๆ ขาย แต่เราไม่เคยทราบว่าการทำคุ้กกี้มีขั้นตอนอะไรบ้าง ต้องหาวัตถุดิบอย่างไร ทำไม่ดีก็ไม่อร่อย นี่ยังไม่รวมเรื่องการทำการตลาด การจัดส่ง การเก็บเงิน อะไรอีกสารพัด ถ้าเราลาออกมาทำเลยแล้วพบว่าจริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ มันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ การได้เป็นผู้ประกอบการวันหยุด ได้เริ่มลองทำดู จะทำให้เราเข้าใจจริง ๆ ว่ากิจการที่เราฝันว่าอยากจะทำนั้นมีอะไรต้องทำบ้าง ถ้าเราทำแล้วชอบ แล้วไปได้ดี จะลาออกมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัวทีหลังก็ได้ แต่ถ้าทำแล้วไม่ชอบ เราจะถอนตัวเลิกทำ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เช่นกัน
4. ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง
คือการเป็นผู้ประกอบการวันหยุดนั้น เรายังไม่ได้ทุ่มทุนสุดตัว เพราะเราแค่เริ่มต้นทำในวันหยุดเท่านั้น ดังนั้นการที่เราไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง หรืออาจจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย ก็ยิ่งเป็นภูมิคุ้มกันตัวเราว่าถ้าเกิดธุรกิจที่เราทำนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรมากมาย ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ อาจจะเรียกได้เลยว่าการเป็นผู้ประกอบการวันหยุดนั้นแทบไม่มีอะไรจะเสียเลย
5. ได้ฝึกฝนทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ
การเป็นผู้ประกอบการนั้นนอกจากความรู้ที่เราจะได้จากการเรียน การอ่านหนังสือ หรือการพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์แล้ว การที่เราได้ลองทำจริงจะทำให้เราเข้าใจการเป็นผู้ประกอบการได้ดีขึ้น ดังนั้นแทนที่เราจะเสี่ยงลาออกมาเป็นผู้ประกอบการเต็มเวลาทันทีโดยที่เรายังไม่ได้มีทักษะดีพอ เราอาจจะเริ่มเป็นผู้ประกอบการวันหยุดก่อน ใหม่ ๆ เราอาจจะไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง แต่เนื่องจากนี่คือผู้ประกอบการวันหยุด ไม่ได้เต็มเวลา ถึงเราจะพลาด ก็ไม่ได้เกิดความเสียหายมากนัก เพราะเราไม่ได้ลาออกมา เราไม่ได้ใช้เงินลงทุนอะไรมากมาย
ยิ่งเรามีประสบการณ์มากขึ้น เรายิ่งเก่งขึ้น จนวันหนึ่งเราก็จะสามารถทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จได้ ตอนนั้นอยากจะลาออกมาทำเต็มตัวก็ไม่มีใครว่าอะไร
6. มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราต้องเริ่มทำธุรกิจนั้น ๆ แต่ถ้าต้องลาออกมาทำเต็มเวลา มันก็มีความเสี่ยง แต่การเป็นผู้ประกอบการวันหยุดจะทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงไปได้มาก ดังนั้นจะทำให้เรากล้าทำ เมื่อเราทำ ก็มีโอกาสที่ธุรกิจเล็ก ๆ ที่เราเริ่มในวันหยุดนั้นจะพาเราไปได้ไกล ไม่แน่นะครับ การได้เริ่มเป็นผู้ประกอบการวันหยุดนั้น จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราและครอบครัวไปในทางที่ดีมาก ๆ ก็ได้
นี่คือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากการเป็นผู้ประกอบการวันหยุด แต่แน่นอนครับสิ่งที่เราเสียไปก็คือเวลาในวันหยุด แต่ถ้าเราบริหารจัดการดี ๆ ผมว่าบางทีเวลาที่เราเสียไปนั้นอาจจะไม่ได้เยอะมาก เทียบกับสิ่งที่เราจะได้กลับมา น่าจะคุ้มค่านะครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!