ในการสร้างธุรกิจ (ไม่ว่าจะเป็น Part Time หรือ Full Time ก็ตาม) หลาย ๆ คนอาจจะพูดว่า เราควรทำตามความฝัน หรือความชอบของเรา ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ผิด แต่ความฝันหรือความชอบอย่างเดียว ก็อาจจะไม่พอ หากเราไม่มีความสามารถในเรื่องนั้น ๆ เลย ใช่ครับ ความสามารถคือสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงได้ เราไม่มีความรู้ เราก็ไปหาความรู้ เราไม่มีพรสวรรค์ เราก็ต้องหมั่นฝึกฝน แต่อย่าลืมว่า สิ่งเหล่านั้นต้องใช้เวลา และบางครั้ง เราก็มีข้อจำกัดกับบางเรื่องเช่นกัน
ผมยกตัวอย่างตัวผมเองก็ได้ครับ ครั้งหนึ่ง (นานมาก ๆ แล้ว) ผมเคยมีความฝันว่าอยากเล่นฟุตบอลอาชีพที่ประเทศอังกฤษ ผมว่าคงเหมือนกับเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนของผมตอนนั้นที่เตะฟุตบอลด้วยกัน เพียงแต่เรา “ไม่กล้า” ที่คุยกันถึงเรื่องนี้ เพราะคงต้องโดนเยาะเย้ย ถากถาง (หรืออาจจะเป็นแค่ผมคิดไปเองก็ได้) และยุคสมัยนั้น สังคมยังไม่ได้เปิดโอกาสให้คนที่อยากเป็นนักกีฬาอาชีพมากนัก (คือเรียกว่าถ้าอยู่ในไทย น่าจะมีชีวิตที่ลำบากเลยทีเดียว)
แต่ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับว่า แล้วผมเก่งพอไหม บอกได้เลยว่า ตอนนั้นผมแค่ชอบเตะฟุตบอล และยอมรับว่าฝีมือคงห่างไกลกับคำว่า “มืออาชีพ” มากนัก ขนาดคัดเลือกเข้าทีมโรงเรียน ยังตกรอบเลยด้วยซ้ำ ถามว่า แล้วฝึกได้ไหม คำตอบคือก็ได้ และถ้ามันเป็นความฝันจริง ๆ เราก็คงต้องฝึกอย่างหนัก แต่มันคงต้องใช้เวลามหาศาล แถมอาจจะไม่การันตีด้วยว่า ผมจะเป็นนักฟุตบอลที่เก่ง ไม่ต้องในอังกฤษหรอก เอาแค่ในประเทศนี่แหละ บางครั้ง บางเรื่อง การฝึกฝนก็พาเรามาถึงจุดหนึ่งเท่านั้น
ประเด็นที่อยากจะชี้ คือไม่ใช่ว่า ให้เราละทิ้งความฝัน เพราะเราทำไม่ได้หรอก แต่จะบอกว่า บางความฝัน ถ้าเราอยากจะไปถึงจุดนั้น มันใช้เวลา และ ความพยายามอย่างมากนะ และไม่การันตีด้วยว่า ถึงเราพยายามแล้ว เราจะไปถึง
คราวนี้ มันมีอีกทางหนึ่งคือ เราลองสังเกตว่าเราเก่งเรื่องไหนก่อน ใช่ครับ มันอาจจะไม่ใช่ความฝันของเรา แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเกลียดเช่นกัน อาจจะชอบด้วยซ้ำ แต่ชอบน้อยกว่า นอกจากนักฟุตบอลแล้ว ถามว่าตอนเรียนมัธยมอยู่ผมชอบอะไร คำตอบคือ ผมชอบเรียนหนังสือครับ และทำได้ดีพอสมควรเลย ทางนี้แหละครับที่ผมเลือก (ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรแบบนี้หรอก แค่คิดว่า คงเป็นนักฟุตบอลอาชีพไม่ได้หรอก และสังคมคงไม่ยอมรับเท่าไร หากผมจะไม่เรียน แต่ไปเตะฟุตบอลอาชีพ)
จากการรักในการเรียน จึงนำพามาซึ่งโอกาสต่าง ๆ มากมาย จนถึงจุดนี้ ที่มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะบอกว่าใกล้เคียงกับคำว่า “อาชีพในฝัน” ของผมมาก ๆ แต่อาชีพในฝันนี้ มันไม่ได้เกิดจากความฝันของผมตั้งแต่แรกครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้ดี
แล้วมันกลายเป็น อาชีพในฝันได้อย่างไร ผมเชื่อว่า เราจะชอบในสิ่งที่เราเก่ง เหมือนกับที่เราจะเก่งในสิ่งที่เราชอบนั่นแหละครับ คือมันมีความสัมพันธ์ 2 ทาง เพียงแต่ว่าเราจะเริ่มจากจุดไหนก่อน ถ้าเอาความฝันนำ ความฝันก็จะทำให้เราอยากเรียนรู้ และ อยากฝึกฝน และเราก็จะเก่งขึ้น แต่ถ้าเอาความเก่งนำ พอเราทำได้ดี เราก็ได้รับการยอมรับ ยิ่งเราได้รับการยอมรับ เราก็ยิ่งชอบสิ่งนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
บางคนนึกได้ว่า เวลาเราชอบอะไร แล้วทำให้เราอยากพัฒนา อันนี้ชัดเจน แต่ความเก่ง จะทำให้เราชอบสิ่งนั้น ๆ ได้จริงหรือ ลองจินตนาการแบบนี้ดูก็ได้ครับว่า สมมุติเราเป็นนักบัญชี แต่เราไม่ได้ชอบการทำบัญชีสักเท่าไร เรียนไป เพราะพ่อแม่อยากให้เรียน แต่ปรากฏว่าเราได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองเลย เพราะเรียนเก่งมาก มหาวิทยาลัยระดับ Top ของโลกรับเราเข้าไปเรียนโทหรือเอกในสาขาบัญชี จบมาได้เงินเดือนหลายแสน จากการทำงานบัญชี แถมเมื่อเรามาเขียน Page ให้ความรู้เรื่องบัญชี มีคนติดตาม Page เราเป็นล้าน มีรายได้เสริมเรื่องนี้อีกมหาศาล ฯลฯ ถามว่าเราจะชอบเรื่องบัญชีขึ้นบ้างไหม ผมไม่แน่ใจสำหรับทุกคนนะครับ แต่เป็นผม ผมว่ามันจะสร้างแรงจูงใจให้เราไม่มากก็น้อยครับ
ก็ลองดูแล้วกันนะครับ ไม่ได้ห้ามทำสิ่งที่ชอบ แต่อยากให้ลองมองสิ่งที่เราเก่งด้วย และถ้าเราเปลี่ยนสิ่งที่เราเก่ง ให้เป็นสิ่งที่เราชอบได้ มันยิ่งย่นระยะเวลาแห่งความสำเร็จเราได้มหาศาลเลยครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
2 Comments
ชอบบทความของอาจารย์มากค่ะ ^^ จริงๆเป็นคนใช้ชีวิตบน OKRS มาตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยรู้จัก OKRS มาก่อน พอได้รู้จักเลยชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เขียนหนังสือดีๆ คอนเท้นดีๆ ^^ เปิดโลกมากค่ะ
ขอบคุณครับ ดีใจที่เป็นประโยชน์นะครับ