หลายท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า Midlife Crisis หรือวิกฤติวัยกลางคนกันมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อายุประมาณ 40-50 ปี ซึ่งเรามักจะใช้เป็นนิยามของคำว่า “วัยกลางคน”
จากหนังสือชื่อ When ที่เขียนโดย Daniel Pink ก็ได้กล่าวเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจเช่นกันครับว่า ความสุขของเรามักจะตกต่ำในช่วงอายุวัยกลางคนนี้พอดี คือมันเหมือนเป็น U Shape คือตอนอายุน้อยกว่านี้เราก็มีความสุข และถ้าอายุมากกว่านี้เราก็มีความสุข ช่วงวัยกลางคนนี่แหละครับที่เราจะมีความสุขน้อยที่สุด
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเป็นแบบนี้หมด 100% นะครับ เอาเป็นว่าเป็นคนส่วนใหญ่ก็แล้วกันครับ ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ กราฟ U Shape แบบนี้ มันเป็นเหมือนกันทั้งผู้ชายและผู้หญิง แถมเป็นเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหนก็ตาม
เอ แล้วทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
มันเป็นแบบนี้ครับ คือช่วงอายุ 20s หรือ 30s เรายังมีความฝันอยู่ว่าเราจะเป็นโน่นเป็นนี่ พูดง่าย ๆ เรายังมีความหวังอยู่นั่นเอง เช่นเราอยากจะเป็น CEO ของบริษัทอะไรแบบนี้ แต่ต้องยอมรับว่า มันก็มีคนเดียวเท่านั้นในบริษัทหนึ่ง ๆ ที่จะได้เป็น CEO ช่วงอายุ 40 นี่แหละครับ ที่เราจะเริ่มตระหนักแล้วว่า ชีวิตนี้ เราคงไม่สามารถไปถึงฝันที่เราเคยมีได้ เราจึงผิดหวังและเศร้าไงครับ แต่หลังจากนั้น พูดง่าย ๆ คือเราก็ทำใจได้แล้ว และเราก็ปรับความคาดหวังใหม่ ให้มันใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ตอนเราอายุมาก ๆ เราจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง
แต่ก็มีอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจคือ มีคนไปศึกษาความสุขของลิง ใช่ครับ ลิง โดยให้คนเลี้ยงเป็นคนให้คะแนน เขาก็พบว่า ลิงก็มี Midlife Crisis เหมือนคนเหมือนกัน เลยมีอีกคำอธิบายว่า เอ หรือว่ามันเป็นเพราะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสภาวะร่างกายของเราหรือเปล่า
เอาล่ะ ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไร สิ่งที่สำคัญกว่าคือแล้วเราจะจัดการกับวิกฤติวัยกลางคนอย่างไร หนังสือเล่มนี้ แนะนำไว้อย่างนี้ครับ
1. ให้จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย
Warren Buffet ที่เป็นเศรษฐีระดับต้น ๆ ของโลกนี้ได้แนะนำให้คนที่เขารู้จักทำแบบนี้ครับ 1) ให้ตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้ 25 เรื่อง 2) จาก 25 เรื่องที่เขียนไว้ ให้วงกลมแค่ 5 เรื่องที่สำคัญที่สุด 3) ให้เริ่มหาทางทำให้ 5 เรื่องที่วงไว้ประสบความสำเร็จ และอย่าไปสนใจ 20 เรื่องที่เหลือเด็ดขาด จนกว่า 5 เรื่องที่เขียนไว้จะสำเร็จ เขาบอกว่าวิธีนี้จะช่วยผลักดันชีวิตเราดีกว่า การทำอะไรเป็นสิบ ๆ เรื่อง แต่ไม่สำเร็จสักเรื่อง
2. ให้มีระบบพี่เลี้ยงสำหรับคนวัยกลางคน
คือปกติบริษัทมักจะมีระบบพี่เลี้ยงสำหรับพนักงานใหม่เท่านั้น แต่พอพนักงานเหล่านั้นอายุมากขึ้น เขาก็ไม่มีระบบแบบนี้ต่อไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะอย่างที่เราทราบว่า พนักงานเมื่อมีอายุเข้าสู่วัยกลางคน ก็จะเข้าสู่ Midlife Crisis การมีพนักงานอาวุโสที่ผ่านช่วงนั้นมาแล้ว มาคอยแนะนำวิธีการใช้ชีวิตให้ผ่านช่วงนี้มาได้ จะดีมาก
3. ใช้เทคนิค “การลดเหตุการณ์เชิงบวก”
อันนี้อ่านหัวข้อแล้วอาจจะงง คือทำอย่างนี้ครับ เริ่มจากคิดถึงเหตุการณ์ที่มันเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตเรา เช่น เหตุการณ์ที่ทำให้เราเจอกับสามีและภรรยาของเรา (ถ้านั่นคือความสุขของเรานะครับ 555) เหคุการณ์ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานบางอย่าง ต่อมาให้คิดถึงว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร เช่น ถ้าวันนั้นเราไม่ไปที่ห้องสมุดนั้น เราคงไม่ได้เจอภรรยาเราในอนาคต ถ้าวันนั้นเราไม่ไปงานเลี้ยง เราคงไม่ได้เจอกับเจ้าของธุรกิจที่จะมาลงทุนกับเรา อะไรแบบนี้ พอคิดแบบนี้เสร็จ ก็กลับมาคิดถึงปัจจุบันว่า เราโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่เรามาถึงจุดนี้ แบบนี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้นครับ
4. เขียนจดหมายปลอบใจตัวเอง
คนเรามักจะปลอบใจคนอื่นมากกว่าตัวเองครับ ข้อแนะนำอันนี้คือให้เราเขียนเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกแย่ เช่นโดนไล่ออก มีปัญหาการเงิน มีปัญหาครอบครัว อะไรก็ได้ ให้เราเขียนถึงความรู้สึกออกมาว่าเรารู้สึกอย่างไร ต่อมาให้เราเหมือนกับเขียนจดหมาย แบบเหมือนกับเพื่อนสนิทจะเขียนให้กับเรา เขียนแนวปลอบใจว่า มันไม่เป็นไร เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไร แบบนี้จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เหมือนมีคนมาปลอบใจเรา
5. รอ
คืองี้ครับ ให้เรารู้ตัวว่าวิกฤติวัยกลางคน มันก็เหมือนเป็นหวัดนั่นแหละ มันมาไม่นานมันก็ไป บางทีก็ไม่ต้องทำอะไร รอไปครับ แค่รู้ตัวเองว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์เท่านั้น
เอาเป็นว่า เป็นข้อคิดที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนวัยกลางคนละกัน และถือโอกาสเขียนให้ตัวเองอ่านด้วย เพราะอยู่ในวัยนี้พอดีเลย แต่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากนะครับ คือมีบ้างไหม ผมก็ว่ามีนะ คงเป็นเพราะภาระหน้าที่รับผิดชอบมีมากขึ้น วิกฤติเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คือทำงานเยอะเกินไปมากกว่าครับ 555
ขอให้ทุกท่านที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตินี้ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วกันนะครับ ใครกำลังจะเข้าวัยนี้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ ใครที่ผ่านไปแล้ว ก็อาจจะให้คำแนะนำน้อง ๆ ก็ได้ครับ แต่อย่างที่บอก อันนี้มันแค่ภาพรวม ช่วงเวลานี้ของบางท่าน อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับ เอาเป็นว่าขอให้ทุกท่านมีความสุขก็แล้วกันครับ
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho หรือฟัง Podcast Nopadol’s Story ได้ที่ https://nopadolstory.podbean.com/