ถ้าตัวเราในอีก 5 ปีข้างหน้า มาคุยกับเราในตอนนี้…

คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมได้จากการอ่าน Post ใน Facebook ของคุณบอย วิสูตร นักเขียน นักพูดชื่อดังคนหนึ่งครับ ตอนแรกก็นั่งคิดเล่น ๆ ว่าจะตอบอะไรดี แต่ระหว่างที่คิด มันกลับได้ความคิดอีกแบบหนึ่ง

ผมว่ามันเป็นคำถามที่ลึกมากนะครับ ลองมองดูดี ๆ ว่า คำตอบมันสะท้อนว่าอะไร แต่ก่อนที่จะวิเคราะห์ ผมอยากให้ทุกคนที่อ่านอยู่ถึงตอนนี้ ลองคิดว่า เป็นตัวเองจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไรนะครับ

“ถ้าตัวเราในอีก 5 ปี ข้างหน้า มาคุยกับตัวเราตอนนี้ คิดว่า เขาจะบอกอะไรเราครับ”

เอ้า ให้เวลา 1 นาที ครับ คิดเลยครับ แล้วลองหาคำตอบดู

คิดว่าน่าจะได้คำตอบกันแล้วนะครับ แต่สิ่งที่อยากจะให้วิเคราะห์ต่อคือ คำตอบอันนั้น มันสื่อถึงสิ่งที่เรามองตัวเองในอนาคตนั่นเอง

เช่น ถ้าเรากลับมาบอกตัวเราในปัจจุบันว่า “ให้ขยัน ๆ กว่านี้ ตัวเราจะได้สบาย” มองเผิน ๆ เหมือนกับว่าเรามาเตือนสติตัวเองให้ ตัวเองตั้งใจขยันทำมาหากิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่มองลึกไปกว่านั้น แปลว่า ณ ขณะนี้ เราก็เชื่อว่าอีก 5 ปี ถ้าเรายังทำตัวแบบนี้อยู่ เราจะไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง

หรือถ้าเรากลับมาบอกตัวเองว่า “น่าจะลาออกซะตั้งแต่ตอนนี้” แปลว่า เราเชื่อว่าในอนาคตอีก 5 ปี เราอาจจะเพิ่งลาออกแล้ว พบอิสรภาพ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ก็เลยอยากย้อนกลับมาบอกตัวเราตอนนี้ว่า เราน่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว

ไม่ว่า คำตอบของคำถามนั้น คืออะไร ผมว่า มันน่าจะเอาไปวิเคราะห์ต่อ เราไม่ต้องรออีก 5 ปี เพื่อให้ตัวเราเอง ย้อนกลับมาเตือนตัวเราหรอกครับ (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว) เราเตือนตัวเราตอนนี้เลยดีกว่า ผ่านคำถามนี้

สำหรับผม ผมตอบคำถามนี้ว่า “นายทำถูกแล้ว ทำต่อไปเถอะ” แปลว่า ลึก ๆ ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ในปัจจุบัน มันน่าจะดีกับตัวผมในอนาคตอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังมีความลังเลอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ แต่เมื่อตัวเราในอนาคตบอกว่า “นายทำถูกแล้ว ทำต่อไปเถอะ” แปลว่า ไม่ว่าผมจะตัดสินใจอะไร มันจะถูกเสมอ

จะว่าเป็นการให้กำลังใจตัวเองก็ได้นะครับ แต่มันก็มีพลังมากเพียงพอ ที่ทำให้เราสามารถฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้นะครับ

5 ปีข้างหน้า เราไม่รู้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือสิ่งที่เกิดขึ้น “ตอนนี้” เพราะฉะนั้นทำให้ดีที่สุด ถ้าตัวเราในอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถกลับมาบอกตัวเราในปัจจุบัน ผมอยากให้เป็นคำเดียวคือ

“เราขอบใจ นาย/เธอ มากนะ เราขอบใจจริง ๆ “

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho

จดหมายถึงหลานทวด

สวัสดีหลานทวด

ปู่ทวดเขียนจดหมายฉบับนี้ ในปี 2560 ใช่ กว่าหลานจะได้อ่านก็คงผ่านมาเป็นร้อย ๆ ปีแล้วล่ะ ไม่ต้องการอะไรมาก อยากจะเล่าให้หลานฟังว่า เมื่อร้อยกว่าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้

ปู่ทวดไม่แน่ใจว่าตอนนี้หลานยังใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษสื่อสารกันหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้าไม่ได้ใช้ ก็คงน่าจะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลภาษานี้ ให้หลานฟังได้ เออ ไม่สิ ตอนนั้น มันอาจจะมีระบบที่แปลภาษาอัตโนมัติได้แล้วมั้ง เราคงไม่ต้องมานั่งเรียนภาษาอื่น ๆ เหมือนสมัยปู่ เอาเป็นว่าปู่คิดว่าหลานคงอ่านได้ก็แล้วกัน

ปีที่ปู่ทวดเขียนจดหมายฉบับนี้ ปู่ทวดมีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ใช่ มหาวิทยาลัย คือสถานที่ในอดีตที่คนที่อยากเรียนเขามารวมตัวกัน และมีห้องเรียนที่มีคนที่เรียกกันว่าเป็น “อาจารย์” มาถ่ายทอดความรู้ให้ หลานคงแปลกใจมากว่า มันจะมีมหาวิทยาลัยไปทำไม ใช่ไหม เพราะยุคนั้น คำนี้ คงเป็นคำโบราณ แล้วมันก็คงมีแต่รูปภาพเก่า ๆ เอาไว้ให้ดูต่างหน้าแล้ว สมัยรุ่นหลาน ปู่คิดว่า ต่างคนคงต่างเรียนกันได้ตามความชอบ ความถนัด ผ่านระบบ Artificial Intelligence ต่าง ๆ (ไม่รู้ว่าหลานยังคงใช้คำพวกนี้กันอยู่หรือเปล่านะ) ปริญญาบัตร คงไม่ได้มีความหมายสำหรับคนรุ่นหลานอีกต่อไป

กิจกรรมที่คนรุ่นปู่ทวดชอบทำกันคือ การเล่น Social Media เช่น Facebook ซึ่งหลานคงไม่รู้จักแล้วล่ะ Facebook คือที่ที่เราไป post ข้อความต่าง ๆ เช่น รูปอาหารที่เรากิน รูปที่เราไปเที่ยว น่าขำใช่ไหม แต่นั่นคือสิ่งที่คนรุ่นปู่ทวดชอบทำ ปู่เดาว่าคนรุ่นหลาน คงติดต่อกันผ่านโทรจิตกันแล้วมั้ง อยากจะ share อะไรกับใคร ไม่ต้องมานั่ง load รูป post ข้อความกันแล้วล่ะ แค่คิด มันก็คงส่งต่อกันอัตโนมัติเลย

ตอนที่ปู่เขียนจดหมายนี้ Apple เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก เป็นผู้ผลิต iPhone หลานคงเคยได้ยินมาบ้างนะ มันคงเหมือนปู่เคยได้ยินเรื่องราวในอดีตที่มีคนผลิตโทรศัพท์เครื่องแรกในโลกนั่นแหละ ตอนนั้นบริษัทนี้ก็คงไม่มีอยู่แล้ว  ไม่รู้ว่ายุคหลาน บริษัทอะไรจะเป็นบริษัทชั้นนำนะ แต่คิดว่าคงไม่ใช่บริษัทที่ปู่รู้จักแน่นอน ปู่ว่า ยุคของหลาน คงไม่มีบริษัทที่อยู่มาเป็นร้อย ๆ ปีแล้วล่ะ โลกมันเปลี่ยนไปเร็วมาก ปู่ว่าเผลอ ๆ คำว่า “บริษัท” อาจจะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมแล้วด้วยซ้ำมั้ง

ตอนนี้ รถยนต์ที่ปู่ขับ เรายังใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงกันอยู่เลย แต่เรากำลังตื่นเต้นกันใหญ่ว่า ต่อไปรถยนต์จะใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งพอมาถึงสมัยหลาน รถยนต์ไฟฟ้า คงเป็นรถยนต์โบราณไปแล้วเช่นกัน ปู่เดานะ ว่าต่อไปรถยนต์มันคงขับเคลื่อนด้วยพลังงานธรรมชาติอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ กันหมดแล้วล่ะ ปู่เคยดูหนังนะ ไม่แน่ต่อไปรถยนต์คงบินได้แล้ว จริงหรือเปล่าไม่รู้

ตอนนี้ ในโลกของปู่กำลังเห่อคำว่า “4.0” กันมาก มีการพูดถึง Industry 4.0 ที่กำลังจะมาเปลี่ยนโลก แต่ดู ๆ ไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีคนฟัง หรือ เข้าใจมันมากสักเท่าไร ปู่คิดว่า ในอีกไม่ช้า คนจะตกงานกันเยอะแยะ เพราะเราจะมีหุ่นยนต์มาทำงานแทน เหมือนสมัยตอนที่หลานกำลังอ่านจดหมายฉบับนี้แหละ

หลานคงจะแปลกใจว่า จดหมายนี้ ปู่เขียนขึ้นเอง โดยการพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ หลานยังรู้จักคำว่า “คอมพิวเตอร์” อยู่ใช่ไหม ปู่เดาเอานะว่ารุ่นหลาน แค่หลานคิด ตัวหนังสือมันคงพิมพ์ขึ้นมาได้เองเลยล่ะ เผลอ ๆ “หนังสือ” ในรุ่นของหลาน อาจจะเกิดจากระบบ Artificial Intelligence โดยตรงเลยก็ได้ หนังสือเล่มเดียวกัน แต่คนอ่านต่างกัน ข้อความมันอาจจะปรับตามอารมณ์คนอ่านได้เลยอะไรประมาณนั้น

ปู่เดาอีกนะว่า ต่อไปกีฬา (ยังมีเล่นกันอยู่ไหม) ในยุคของหลานมันคงน่าเบื่อกว่ายุคของปู่มาก เพราะยุคของหลาน แค่เห็นชื่อตัวผู้เล่น ก็ทำนาย score ออกมาได้ถูกต้อง 100% แล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นสมัยปู่นะ เรายังไม่รู้ผลจนกระทั่งแข่งเสร็จ มันเลยตื่นเต้นกว่าไง เอ แต่ไม่แน่นะ สมัยหลาน หลานอาจจะมี function ที่กดปุ่มสร้างความตื่นเต้น ความดีใจ ความสนุกได้ตามสั่งเลยก็ได้

ว่าแต่ปู่ก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าตอนนั้น ทีมฟุตบอลที่ปู่เชียร์อยู่ อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีอยู่ไหม จริง ๆ อยากรู้ว่าตอนนั้น ทีมอย่างลิเวอร์พูลที่เป็นคู่แข่ง ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วหรือยัง แต่ถ้าหลานไม่รู้จักชื่อทั้งสองทีม ปู่ก็ไม่แปลกใจหรอก แต่ถ้าทั้งสองทีมยังอยู่ ปู่แค่อยากบอกว่าสมัยรุ่นปู่ ลิเวอร์พูลเขาได้แชมป์ยุโรปมาแล้ว 5 สมัยนะ

เขียนมายาวแล้ว ไม่่มีอะไรมาก ปู่อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันคงเปลี่ยนไป แค่อยากให้หลานรู้ว่าสมัยรุ่นปู่เป็นอย่างไรก็เท่านั้น

รักหลาน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอหน้ากันเลย

ปู่ทวดเอง

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho