เรียน MBA ไปทำไม Bill Gates Mark Zuckerberg ยังไม่เห็นต้องเรียนเลย

ในระยะหลัง ๆ นี้ ผมเริ่มได้ยินคนพูดถึงการเรียนการสอนทางด้านบริหารธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยขอยกเป็นประเด็นในการเขียนเลยแล้วกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่างานเขียนนี้อาจมี Bias ได้ เพราะคนเขียนก็เป็นอาจารย์ที่สอนทางด้านการจัดการคนหนึ่งแต่ก็ถือว่าเป็นอีกมุมมองแล้วกันนะครับ ลองมา share idea กันครับ

จริง ๆ ประโยคคำถามข้างบนนี้

ก็เป็นคำถามที่ผมมักจะใช้ถามผู้สมัครเรียน MBA ที่ธรรมศาสตร์อยู่เรื่อย ๆ เพราะอยากทราบ Motivation ของเขาในการเข้ามาเรียน MBA

แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ อ่าน Page หรือข้อเขียนจากหลาย ๆ ท่าน ที่บอกว่าการเรียนในหลักสูตรต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนั้น อาจจะไม่ตอบโจทย์ชีวิต และแนะนำว่าไปสัมมนา ไปเรียนจากคนทำจริงดีกว่า

ผมว่าข้อคิดนี้ มีส่วนที่จริงบางส่วนนะครับ แต่คนอ่านต้องไตร่ตรองอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากไม่ระมัดระวังแล้ว เราอาจจะเข้าใจข้อเท็จจริงบางอย่างผิดไปเลยนะครับ

“Bill Gates Mark Zuckerberg ก็เรียนไม่จบก็ยังสำเร็จเลย เรียนไปทำไม”

ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมนับถือความสามารถของท่านเหล่านี้ และผมก็เชื่ออีกด้วยว่า ท่านเหล่านี้ต่อให้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี ท่านก็จะประสบความสำเร็จเช่นกัน หรือไม่แน่อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ (ข้อนี้คงพิสูจน์ได้ยาก)

ดังนั้น “การเรียนไม่จบ” จึงไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่านี่คือลักษณะของคนประสบความสำเร็จนะครับ

จากสถิติพบว่า 35% ของ Billionnaire เรียนไม่จบ และตรงนี้แหละครับ ที่เป็นที่มาว่า “เราเรียนไปทำไม” เห็นไหมคนนั้นก็เรียนไม่จบ ยังสำเร็จเลย

แต่อย่าลืมนะครับ 65% ของ Billionnaire เรียนจบ และก็ประสบความสำเร็จ ถ้านับเป็นสัดส่วนแล้ว เป็นจำนวนมากกว่าซะด้วยซ้ำ

อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าเราวัดความน่าจะเป็นตามหลักสถิติกันจริง ๆ สัดส่วนของคนประสบความสำเร็จที่จบปริญญาหารด้วยจำนวนคนเรียนจบปริญญาทั้งหมดเมื่อเทียบกับสัดส่วนของคนที่ประสบความสำเร็จที่ไม่จบปริญญาหารด้วยคนไม่จบปริญญาทั้งหมด

ผมว่าอันแรกมากกว่าอันหลังเยอะ เพราะในโลกนี้คนไม่จบปริญญามีมากกว่ากว่าคนจบปริญญาไม่รู้ตั้งกี่เท่า

แต่คนที่เป็น Billionaire ส่วนใหญ่กลับจบปริญญา ดังนั้นถ้าเราไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่จบปริญญา ผมว่าโอกาสที่จะสำเร็จตามหลักความน่าจะเป็น มันน่าจะน้อยกว่าอย่างชัดเจน

แต่ที่เราไม่รู้เรื่องคนไม่จบปริญญาแล้วไม่สำเร็จ เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสมาเขียนหนังสือ ออกรายการ เราก็เลยไม่ได้เห็น ไม่ได้อ่านไงครับ เราจึงได้แต่อ่านเรื่องเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จ

ทั้ง ๆ ที่เรียนไม่จบ เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันสร้างแรงบันดาลใจ มันทำให้หนังสือ หรือรายการต่าง ๆ ขายได้ แต่อย่าลืมว่ามันเป็นกรณีศึกษาที่น้อยมาก ๆ

ผมว่าคนที่สำเร็จนั้น มันอยู่กับความสามารถ ความมุ่งมั่น และความคิดของแต่ละคนมากกว่า ถ้าใครมีสิ่งเหล่านี้ ผมว่าเขาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงอยู่แล้ว การมีความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัย ยิ่งน่าจะทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นด้วยซ้ำไป

อ้อ สุดท้าย Billionaire หลายคนที่ drop out นั้น เขา drop out จากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard Stanford กันนะครับ

เอาไว้ถ้าอยากตามรอยท่านเหล่านั้น เอาให้เราเข้า Harvard Stanford ก่อนแล้วค่อยคิดเลิกเรียน น่าจะดีกว่าไหมครับ 🙂

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho

ทำอย่างไร ไม่ให้เราล้มเลิก

เคยทำอะไรที่มันไม่เคยสำเร็จไหมครับ หลายคนอาจจะบอกว่าประจำ 555

เอาง่าย ๆ ครับ เช่น ลดน้ำหนัก หลายคนเคยลองมาแล้วเป็นสิบ ๆ รอบ แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จสักที

เราลองมาวิเคราะห์กันดูนะครับ จริง ๆ สิ่งนี้ (หุ่นดี สุขภาพดี) มันเป็นสิ่งที่เราก็ชอบ อ้าว แล้วทำไมเราไม่ทำล่ะครับ

ง่าย ๆ ครับ ก็เพราะว่าการทำสิ่งนั้นมันยากไงครับ ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักได้จากการกินของที่อร่อย แบบนี้ เป็นใคร ใครก็ลดได้จริงไหมครับ

แล้วทำอย่างไรไม่ให้มันยากล่ะ

ประเภทที่ว่าตั้งเป้าหมาย แล้วอดทน อันนั้นผมว่าหลายคนก็เคยอ่านมาเยอะ แต่มันทำไม่ได้อ่ะ

ผมมีเทคนิคมาแนะนำครับ อย่างน้อยมันก็ work สำหรับผมในหลาย ๆ เรื่อง

คืออะไรที่เราทำเป็นประจำ จนเป็นนิสัย สิ่งนั้น มันจะไม่ต้องใช้ความพยายามมากครับ

เราไม่เคยเหนื่อยเกินไปที่จะแปรงฟันใช่ไหมครับ เพราะอะไรครับ ก็เพราะการแปรงฟันมันเป็นนิสัยของเราไงครับ ถ้าเราทราบแบบนี้แล้ว เคล็ดลับไม่ให้เราล้มเลิกอะไรง่าย ๆ ก็คือพยายามทำสิ่งนั้นให้เป็นนิสัย

การที่เรากินขนมหวาน กินของอร่อย ๆ เยอะ ๆ แทนที่จะกินผักผลไม้ จนเราอ้วน ก็เพราะสิ่งนั้นมันเป็นนิสัยเรานั่นเองครับ แล้วเห็นพลังมันไหมครับ พอเป็นนิสัย มันเลิกยาก แก้ยากมาก

ดังนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนนิสัยเราเท่านั้น ปลูกนิสัยใหม่ที่เราต้องการให้เกิดขึ้น

จริงครับมันยาก แต่มันยากตอนเริ่มเท่านั้น ถ้าใครเริ่มท้อใจ ให้คิดแบบนี้ครับว่า นี่คือเรื่องปกติที่เราต้องเจอ เพราะถ้ามันง่าย เราคงเปลี่ยนมันไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว

ยากนี่แหละครับ ท้าทาย คิดซะว่า มันคือกระบวนการอย่างหนึ่ง

ลองเริ่มกันดูนะครับ มีคนบอกว่าทำอะไรติดต่อกันสัก 21 วัน มันจะกลายเป็นนิสัยเรา แต่ก็มีหลายงานบอกว่า ต้องนานกว่านั้น

อย่าไปสนว่าจะนานแค่ไหน ขอให้ทำเท่านั้นพอครับ แล้วสุดท้ายเมื่อมันเป็นนิสัย มันจะง่ายโดยอัตโนมัติเลยครับ

ผมเคยคิดว่าการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งมันยาก แต่สุดท้าย ผมเขียนทุกวัน จนตอนนี้มันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว มันไม่ได้ยากเลยครับ เมื่อมันเป็นนิสัยของเรา ลองดูกันนะครับ การสร้างนิสัยก็เหมือนกับการสร้างบ้าน ประมาณนั้นครับ

ตอนสร้างมันเหนื่อย แต่สร้างเสร็จแล้ว บ้านหลังนั้นจะเป็นที่อยู่ของเราไปอีกนานแสนนานครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho