หลายคนคงทราบว่าการตั้งเป้าหมาย (Goal Setting) เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็คงมีอีกหลายคนที่เคยตั้งแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
Professor Edwin Locke และ Professor Gary Latham ได้ตั้งทฤษฎีของการตั้งเป้าหมาย (Goal Setting Theory) ที่บอกไว้ว่า
1) เป้าหมายที่ยากจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้มากกว่าเป้าหมายที่ง่าย
2) เป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้เราประสบความสำเร็จมากกว่าเป้าหมายที่เลื่อนลอย หรือไม่มีเป้าหมายเลย
ลองมาพิจารณา 2 ข้อนี้กันดูครับ
ข้อแรก ทำไมเป้าหมายที่ยากจะทำให้เราประสบความสำเร็จมากกว่าเป้าหมายที่ง่าย
คำตอบคือ ก็เพราะเป้าหมายที่ง่าย มันทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว และโดยปกติ เวลาเราทำอะไรถึงเป้าหมายไปแล้ว มันก็ไม่ได้มีแรงจูงใจให้อยากทำต่อ
ในทางกลับกัน เป้าหมายที่ยากมันเค้นพลังเราออกมาทั้งหมด มันจึงไม่แปลกที่เราจะพัฒนาฝีมือได้เยอะกว่า และประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น ๆ ได้มากกว่า
คนที่ตั้งเป้าหมายวิ่งได้ครบ 1 กิโลเมตร กับ คนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะไปวิ่งมาราธอน ผมว่าในที่สุดแล้ว คนแรกอาจจะทำได้สบาย ๆ คนหลังอาจจะทำได้ หรือยังทำไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าคนหลังจะมีฝีมือ (เท้า) ในการวิ่งที่พัฒนาไปมากกว่าคนแรก
ขออย่างเดียว อย่าตั้งให้มันยากซะจน เราถอดใจ เพราะยังไงก็คงทำไม่ได้ แบบนั้นเราอาจจะไม่เริ่มทำเลยด้วยซ้ำ
ข้อที่สอง ทำไมเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมันจึงทำให้เราพัฒนาฝีมือมากกว่าเป้าหมายที่เลื่อนลอย
เหตุผลคือ เวลาเรามีความชัดเจนในเป้าหมาย เราก็สามารถวางแผนได้ดีกว่า อย่างเช่น เราตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปวิ่งมาราธอนภายในปีนี้ เราก็จะสามารถสร้างตารางซ้อมได้ชัดเจนว่า สัปดาห์แรกต้องวิ่งระยะทางเท่าไร วิ่งด้วยความเร็วเท่าไร และสัปดาห์ถัด ๆ ไปต้องทำอะไร
ไม่ว่าเราจะวิ่งมาราธอนสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่ผมก็เชื่อว่าเราจะพัฒนาไปข้างหน้าได้มากขึ้น
แต่ถ้าเราแค่ตั้งเป้าหมายแบบเลื่อนลอยว่า “อยากวิ่งเก่ง ๆ จัง” อะไรแบบนี้ ผมว่ามันขาดทั้งแรงจูงใจ แถมเรายังวางแผนได้ลำบาก
เพราะคำว่า “วิ่งเก่ง” แปลว่าอะไร เราก็ยังไม่รู้เลย
ลองนำปรับเอาทฤษฏีการตั้งเป้าหมายทั้ง 2 ข้อนี้ ไปใช้กันดูนะครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify Youtube หรือ Blockdit