ทำไมเราควรใจลอยบ้าง

ผมว่าตอนนี้ถ้าเราจะหาอ่านเรื่องราวว่าทำไมเราจึงสามารถมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ เราน่าจะหาบทความอ่านไม่ยาก เพราะคนส่วนใหญ่ก็สนใจเรื่องนี้

แต่บทความนี้อาจจะมาอีกมุมหนึ่งนะครับ คือกำลังจะบอกว่า หยุดบ้างก็ได้ พักบ้างก็ได้…

แล้วการหยุดหรือการพักนี่แหละครับ บางทีมันจะสร้างประโยชน์ให้กับเราได้อย่างมหาศาล

จากหนังสือ Hyper Focus ที่เขียนโดย Chris Bailey เขาก็แนะนำวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้เรา Focus ในการทำงานมากขึ้น เช่น การลดพวกสิ่งที่ทำให้เราไขว้เขว อย่างเช่น การใช้มือถือ ลง

แต่หนังสือเล่มนี้ ยังพูดถึงอีกส่วนหนึ่งที่เขาเรียกว่า Scatter Focus คือการหยุดการ Focus ในสิ่งเดียว แล้วหันมาทำอย่างอื่นบ้าง เช่น การล้างจาน ออกไปวิ่ง เดินเล่นอะไรแบบนี้

การทำแบบนี้มีข้อดีอย่างไร

คือถ้าเราพูดถึงการ Focus เช่น การอ่านหนังสือ อ่านงานวิจัย พวกนี้ มันคล้าย ๆ กับการเอาความรู้เข้ามาในสมอง หรือในหนังสือบอกว่าเหมือนกับการ Collecting Dots โดย Dots ก็คือความรู้ต่าง ๆ นั่นแหละครับ

แต่การหยุด แล้วไปทำอะไรที่เราไม่ต้องไป Focus เอาง่าย ๆ คือคล้าย ๆ ใจลอยไปเรื่อย ๆ นี่แหละครับ มันจะเป็นกระบวนการที่เรียกว่า Connecting Dots หรือการต่อจุด คือเอาความรู้ที่เราอ่านมาจากหลากหลายแหล่ง หรือ จากการพูดคุยกับผู้รู้ มาต่อกัน และเราจะได้ความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

สังเกตไหมล่ะครับ หลายครั้ง เราคิดอะไรได้ใหม่ ๆ ตอนที่เรากำลังล้างจาน หรือเราแก้ปัญหาที่เราคิดตั้งนานคิดไม่ออก ได้ตอนกำลังวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย

นั่นแหละครับ สมองเราเอา Dots หรือความรู้ที่เราได้มา มาเชื่อมต่อกัน จนทำให้เกิดคำตอบเหล่านั้น

งั้นแปลว่า ผมแนะนำให้วัน ๆ นั่งเล่น นอนเล่น ใจลอยไปเรื่อย ๆ แบบนี้หรือเปล่า

ไม่ใช่นะครับ คิดมันต้องทำทั้งสองอย่าง อย่างแรกเราต้องเอาความรู้ หรือ Dots เข้ามาในหัวให้มาก ๆ ก่อน แล้วเราจึงค่อยผ่อนคลาย หรือจะเรียกว่าใจลอยก็ได้ เพื่อให้ความรู้หรือ Dots เหล่านั้นมันเชื่อมโยงกัน จนได้ความคิดดี ๆ

แต่ถ้าเราไม่เคยเอาความรู้เข้าหัวมาเลย แล้วกะจะนั่งเล่น นอนเล่นทั้งวัน แล้วหวังว่าจะได้ความคิดดี ๆ ผมว่าคงยากครับ

เอาล่ะครับ อย่างน้อยท่านก็ได้อ่านบทความนี้จนจบ ผมก็คิดว่าท่านได้องค์ความรู้ หรือ Dots ไม่มากก็น้อยแล้วล่ะครับ เก็บสะสม Dots ไว้เยอะ ๆ แล้วท่านจะได้ความคิดใหม่ ๆ หรือแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกจนได้แหละครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

Subscribe Nopadol’s Story Blog ได้ทาง https://www.nopadolstory.com/news/contactus/ หรือ Twitter Nopadol’s Story หรือฟัง Podcast Nopadol’s Story ได้ที่ https://nopadolstory.podbean.com/

ความคิดสร้างสรรค์มันมาแล้วก็ไป

วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งมีชื่อ The Big Magic ซึ่งเขียนโดย Elizabeth Gilbert ครับ

จริง ๆ คนเขียนคนนี้ดังมาตั้งแต่หนังสือเรื่อง Eat, Pray, Love ที่ตอนหลังก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก

แต่ประเด็นที่อยากจะเล่าให้ฟังคือ ในหนังสือเล่มนี้เขาบอกว่า…
เราเคยสังเกตไหมว่า หลาย ๆ ครั้ง เราจะมี idea ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นวิ่งเข้ามาในหัวเรา

บางที มันมีอาการเหมือนกับ เรานอนไม่หลับ คิดถึงแต่เรื่องนี้ ว่า เฮ้ย นี่มันต้อง work แน่ ๆ หรือมันทำให้เราต้องรีบมาเปิด computer เพื่อหาข้อมูลต่าง ๆ ทันที อะไรทำนองนั้นน่ะครับ

เขาเรียกสิ่งนี้ว่ามันเป็น “ชั่วขณะมหัศจรรย์” ครับ

แต่ที่ผมชอบมากกว่านั้นคือ เขาบอกอีกว่า “ความคิดสร้างสรรค์” ที่มันวิ่งเข้ามาหาเรา มันเป็นเหมือนพลังงานอย่างหนึ่งครับ ด้วยตัวของมันเอง มันไม่สามารถจะทำอะไรได้ มันต้องอาศัยมนุษย์ เป็นคนทำ และการที่มันวิ่งมาหาเรา ก็แปลว่า มันเชื่อว่าเราเป็นคนที่เหมาะที่จะทำสิ่งนั้น !!

โห สุดยอดเลยความคิดนี้

มันเลือกเราแล้ว แต่คราวนี้แหละครับ อยู่เรา ว่าเราจะเลือกมันหรือเปล่า หลาย ๆ ครั้ง เคยสังเกตไหมครับว่า พอเรามี idea อะไรใหม่ ๆ เรารู้สึกตื่นเต้น แต่ถ้าเราทิ้งไว้ สักพัก ความตื่นเต้น ก็ค่อย ๆ ลดลง จนตอนสุดท้าย เราก็เลิกล้มความคิดนั้นไป

ลองคิดว่า idea พวกนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตสิครับ มันเข้ามาเคาะประตูบ้านเรา (คือตัวเรา) แล้วบอก เรามาทำอะไรที่ใหม่ ๆ กันเถอะ เราอาจจะเปิดประตูมาดู แล้วก็ปิดประตูกลับ มันก็อาจจะรอเราสักพักหนึ่ง แล้วก็คิดว่า เอ สงสัย เจ้าของบ้านนี้ เขาคงไม่อยากทำสิ่งนี้ งั้น เราไปหาคนอื่นดีกว่า

เคยสังเกตไหมครับ บางที เรามี idea อะไรใหม่ ๆ เข้ามา แต่เราไม่ทำ สุดท้าย เราก็มักจะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดที่เรามักจะบอกว่า “นั่นไง เราเคยคิดแล้วว่ามันจะต้อง work มีคนทำไปแล้วจนได้”

ใช่ครับ เพราะ idea มันมาหาเรา แต่เราไม่สน มันก็ไปหาคนอื่น ๆ ไงครับ

ผมไม่ได้หมายความว่า ต่อไปเราต้องทำทุก Idea ที่มานะครับ แต่พิจารณาดูดี ๆ ก่อนที่จะบอกลา Idea เหล่านั้น ความคิดสร้างสรรค์มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปหรอกนะครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho