ผมว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง มันทำให้สิ่งที่เรียกกันว่า New Normal เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
New Normal หรือความปกติในรูปแบบใหม่ ไม่ใช่ศัพท์ใหม่นะครับ ว่ากันว่าใช้มาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว โดย Bill Gross นักลงทุนตราสารหนี้ชื่อดัง ที่เขาพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลัง 2008
พอตอนหลังคำว่า New Normal ก็ถูกนำมาใช้ในหลากหลายวงการ มันคืออะไรก็ตามที่มันไม่เคยเกิดขึ้น แต่พอเกิดขึ้นแล้ว มันเกิดจนกลายเป็นสิ่งปกติไปเลย
คราวนี้ ผมว่า COVID-19 มันจะทำให้เกิด New Normal ได้หลายเรื่องดังนี้ครับ
1. การ Work From Home จะกลายเป็นสิ่งปกติ
จริง ๆ คำว่า Work From Home ก็ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เกิดมานานแล้ว แต่มันยังไม่เคยถูกใช้มากเท่าตอนนี้มาก่อน
เหตุการณ์ COVID-19 นี่แหละครับ ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้รวดเร็วและในวงกว้างที่สุด ผมเชื่อว่าหลังจากเกิด COVID-19 หลายแห่งอาจจะยังคงให้ Work From Home ต่อไปในหลายตำแหน่งเลย เพราะอาจจะเป็นการค้นพบว่าจริง ๆ แล้ว Work From Home อาจจะดีกว่าการต้องเดินทางมาทำงานที่ Office ด้วยซ้ำไป (ถึงแม้ว่าบางแห่งหรือบางงานก็อาจจะคิดว่า ยังไง ก็สู้การทำงานที่ Office ไม่ได้ก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า หลายที่จะไม่เปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิม 100%)
2. การเรียน Online จะกลายเป็นเรื่องปกติ
ข้อนี้ ผมว่าอาจจะเป็น Disruption ใหญ่ของสถานศึกษาเลยก็ว่าได้ จะว่าเป็นโอกาสก็เป็น แต่จะว่าเป็นอุปสรรคก็ใช่
จากเหตุการณ์ COVID-19 ทำให้การเรียนการสอนทั้งหมด ต้องถูกปรับเป็น Online อาจารย์ต้องปรับตัวขนานใหญ่ เรียกว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปัจจุบัน ต่อให้มหาวิทยาลัยประกาศให้อาจารย์ทุกคนมาสอน Online ผมรับรองเลยว่าไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันจึงเกิดขึ้นได้ และทั้งอาจารย์และนักศึกษาก็เริ่มปรับตัวให้กับความปกติในรูปแบบใหม่นี้แล้วเช่นกัน
ก็เชื่ออีกครับว่า ในอนาคต จะมีหลายวิชาเลย ที่ยังคงการสอนผ่าน Online ไว้ ถึงแม้ว่าอาจารย์หลายท่านคงชอบการสอนแบบ Face to Face มากกว่า แต่เชื่อเหลือเกินว่าการสอน Online จะกลายเป็นสิ่งปกติที่สามารถทำกันได้
ในมุมของโอกาส มหาวิทยาลัยจะสามารถรองรับนักศึกษาได้มากขึ้นมหาศาล เพราะมันแทบไม่ต้องใช้ Facility อะไรมากมายเลย อย่างนักศึกษาปริญญาโท อาจจะอยู่เชียงใหม่ก็อาจจะเรียนกับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ฯ ได้ หรือการฝีกอบรมให้กับองค์กรต่าง ๆ อาจจะทำได้ โดยอาจารย์ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่องค์กรนั้น ๆ ซึ่งเพิ่มความสะดวกอย่างมาก
แต่มองในอุปสรรค ก็คือ ต่อไปมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ ก็สามารถเปิดสอนแบบนี้ได้เช่นกัน แปลว่า ผู้เรียนในไทยจะมีโอกาสในการเรียนต่างประเทศที่ง่ายมากกว่าแต่ก่อนอย่างแน่นอน มหาวิทยาลัยใด ไม่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็อาจจะเห็นหลักสูตรที่เปิดมาแล้วไม่มีผู้เรียนสูงขึ้นเรื่อย ๆ
3. อาชีพที่เรียกว่าเป็น Digital Nomad จะกลายเป็นสิ่งปกติ
คนที่เป็น Digital Nomad คือคนที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ โดยอาศัยการเชื่อมต่อผ่าน Internet และเทคโนโลยีต่าง ๆ
ก็อีกเช่นกันครับ มันมีมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้อาจจะหาได้ไม่ง่ายนัก ลองนึกภาพดูก็ได้ว่าก่อนหน้านี้เรามีเพื่อนกี่คนที่เป็น Digital Nomad
แต่หลังจาก COVID-19 ทำให้หลายคนมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเองมาทำงานในลักษณะนี้มากขึ้น เช่น คนที่มีอาชีพให้บริการฝึกอบรมตามองค์กร ตอนนี้อาจจะหนักเลย เพราะเขา Work From Home กันหมด รายได้หายหมดเกลี้ยง
คราวนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือรูปแบบการให้บริการเหล่านี้ต้องกลายเป็น Online เช่น ตอนนี้อาจจะฝึกอบรมผ่าน Online Course ได้ และผมเชื่อว่าถึงแม้ COVID-19 จะหายไป แต่รูปแบบเหล่านี้อาจจะยังคงอยู่ เราอาจจะเห็น Online Professor เพิ่มมากขึ้น โดยเขาอาจจะไม่ได้สังกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่ง แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นมาก ๆ
และด้วยความเป็น Online แปลว่า เขาจะอยู่ที่ไหนในโลกได้ ไม่มีปัญหา เราอาจจะเชิญ Professor จาก US มาบรรยายให้นักศึกษาไทยได้ง่ายมาก ๆ (ซึ่งแต่ก่อนจะทำก็ทำได้ แต่ไม่ค่อยมีใครทำกันสักเท่าไร)
4. ความเข้มข้นในเรื่องความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขจะกลายเป็นสิ่งปกติ
ผมจำได้ว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ 9-11 ที่มีการนำเอาเครื่องบินบินชนตึก World Trade ที่ New York และ ที่ Pentagon ใน D.C. การรักษาความปลอดภัยเรื่องการบินหละหลวมมาก
ถ้าจำไม่ผิด แทบจะไม่ตรวจ I.D. ด้วยซ้ำมั้งครับ ถ้าเป็นการบินภายในประเทศ แต่พอหลังจากเกิด 9-11 ต้องเรียกว่าการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยในการบินเข้มข้นมาก และเข้มข้นมาตลอดหลังจากนั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ 19 ปีมาแล้ว
เช่นเดียวกัน ผมเห็นว่าต่อไปการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขก็จะเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่า COVID-19 จะหายไปแล้ว
สายการบิน อาจจะมีการตรวจสอบวัดอุณหภูมิก่อนขึ้นเครื่อง หรือแม้กระทั่งต้องให้ทุกคนคาดหน้ากาก เราจะเห็น Gel Alcohol อยู่ทุกสถานที่ให้เราทำความสะอาดมือ อะไรทำนองนี้
5. การทำธุรกิจ Online ในหลายอุตสาหกรรมจะกลายเป็นเรื่องปกติ
จริง ๆ ธุรกิจ Online ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายแห่งทำมานานแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ก็มีหลายแห่งอีกเหมือนกันที่ถ้าไม่เกิด COVID-19 ก็ยังไม่ทำ
ผมว่า Life Style ของคนจะเปลี่ยนไปพอสมควรหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ และทำให้หลายธุรกิจอาจจะเปลี่ยนขึ้นมาเป็น Online แทนที่จะเป็น Offline
ร้านค้าปลีกบางร้านอาจจะหายไปเลย เช่น ร้านหนังสือ เพราะแทบจะไม่มีความจำเป็นใด ๆ แล้วที่จะต้องมี Offline เพราะสั่ง Online ได้ แถมหนังสือก็อาจจะดูเนื้อหาได้ทาง Online ได้ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ หลายธุรกิจพอเริ่มมาทำ Online ในช่วง COVID-19 อาจจะพบว่ามันดีกว่าตอนขาย Offline ด้วยซ้ำไป เช่น ร้านอาหาร ถ้าขาย Offline มันอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องทำเล ขนาดสถานที่ แต่พอเป็น Online กลายเป็นว่าข้อจำกัดนั้นหายไป
ประกอบกับผู้บริโภคเอง ก็จะเปลี่ยนนิสัยการกินไปอีก แทนที่จะต้องขับรถไปข้างนอกหาอะไรกิน เขาอาจจะเริ่มเปลี่ยนมาสั่งกินที่บ้านมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ถึงทำได้ แต่ก็ไม่คิดจะทำ
คงเป็นประมาณนี้ เท่าที่ผมเห็นนะครับ จริง ๆ มันคงส่งผลกระทบกับส่วนอื่น ๆ อีกมาก ถ้าท่านเห็นผลกระทบด้านใดอีก เขียน Comment มาแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ 🙂
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify Youtube หรือ Blockdit
2 Comments
คู่รักที่มีความสัมพันธ์แบบ distance relationship ก็อาจจะคงความสัมพันธ์ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เพราะการสื่อสารทางออนไลน์ และ new normal incident ที่ทำให้รู้สึกว่า ความสัมพันธ์ทางไกลไม่ใช่สิ่งที่แปลกและยากอย่างเมื่อก่อน
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นด้วยครับ