โลกของเราเปลี่ยนไปทุกวันครับ
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือผมว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงมันจะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
เอาง่าย ๆ ครับ แต่ก่อน ตอนเรายังทำเกษตรกรรมกันอยู่ พอเริ่มมีเครื่องจักร ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป การทำเกษตรกรรมมันก็ง่ายขึ้น และไม่เหมือนเดิม
เพียงแต่ว่า กว่าเครื่องจักรจะเข้ามาทดแทนคนที่ทำเกษตรกรรม มันใช้เวลานานพอสมควรทีเดียวครับ
คือมันมีการเปลี่ยนแปลงก็จริง แต่มันไม่เร็วเท่าปัจจุบัน
คราวนี้ ตัดภาพมาอยู่ที่ปัจจุบันครับ ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ ทั้งนี้ มันก็มาจากการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้ง Internet ที่เชื่อมต่อโลกไว้ด้วยกัน
ดังนั้น เราเกิดมาในยุคนี้ จะว่าโชคดีก็ใช่ เพราะเราอยากได้อะไร เราทำได้อย่างง่าย ๆ ทุกคนมีสื่อของตัวเอง ผ่าน Facebook Instagram Twitter มีทีวีของตัวเอง ผ่าน Facebook Live หรือ Youtube
แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เราควรจะต้องระวัง ก็คือการเปลี่ยนแปลงนี่แหละ เพราะถ้าเราเผลอแป๊บเดียว ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปแล้ว
แล้วผมจะมาบอกทำไมเนี่ย 555 คืองี้ครับ ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ และชอบอ่านหนังสือ พอเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ ก็มานั่งคิดเรื่องของการศึกษาเหมือนกันครับ
เพราะถ้าเรายังคงสอนนักเรียน นักศึกษา โดยใช้รูปแบบเดิม ๆ มันก็น่าเป็นห่วง เพราะถ้าโลกมันเปลี่ยน แต่เราดันเอาความรู้หรือวิธีการที่ใช้มาเป็นร้อย ๆ ปี มาสอน (ไม่ใช่เนื้อหานะครับ แต่วิธีการสอน) อย่างนี้ คนเรียนไป จะก้าวทันโลกได้อย่างไร
เอาง่าย ๆ ครับ เดี๋ยวนี้ อยากรู้อะไร Google แป๊บเดียวก็ได้แล้ว หรือเปิด Youtube ดู เขามีทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย
แล้ว โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย จะมีไว้ทำไม
ถ้าเราไม่เคยตั้งคำถามเหล่านี้ ต่อไป ผมก็ว่าคำว่า “โรงเรียน” หรือ “มหาวิทยาลัย” ก็อาจจะเป็นคำที่กล่าวถึง สถานที่แห่งหนึ่ง ที่คนในอดีตใช้เรียนหนังสือ
ผมคิดว่า ต่อไป คุณครูหรืออาจารย์ จะต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น “Teacher” ไปเป็น “Facilitator”
แปลว่า ต่อไปเนื้อหา ทฤษฎี คนเรียนสามารถหาเองได้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ดังนั้นบทบาทของ “ผู้สอน” คือการบอกวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้
หรือจะเรียกว่า “Learn how to learn” ก็ได้ครับ
Model เหมือนกันโค้ชนักกีฬาแหละครับ คือตัวโค้ชเองเนี่ย ถ้าให้ไปเล่นกีฬากับนักกีฬาที่เขาโค้ช ร้อยทั้งร้อย ผมว่าแพ้ โค้ชฟุตบอลก็เตะบอลสู้นักฟุตบอลที่ตัวเองโค้ชไม่ได้หรอกครับ โค้ชนักเทนนิสก็ตีเทนนิสสู้นักกีฬาของเขาไม่ได้หรอกครับ
อ้าวแล้วจะมีโค้ชทำไม
มีสิครับ เพราะโค้ชมีหน้าที่ชี้ให้เห็นว่า นักกีฬาควรฝึกซ้อมอย่างไร ควรพัฒนาตรงจุดไหน ชี้ให้เห็น ซึ่งจะทำให้นักกีฬาฝึกได้ตรงจุด
กลับมาที่การเรียน บทบาทของครูหรืออาจารย์ในอนาคต ก็คือการ “ชี้ให้เห็น” ว่า นักเรียน ควรศึกษาเรื่องอะไร หากอยากจะสำเร็จในสาขานั้น ๆ เช่น อยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ความรู้ที่ต้องมีคืออะไร เรียนรู้ได้จากไหน
เรื่องการเรียน เป็นหน้าที่ของนักเรียนที่จะต้องไปฝึกฝนเหมือนกับนักกีฬา ซึ่งหากทำได้ตรงจุด มันจะช่วย save เวลามหาศาลแทนที่จะมานั่งหาทางเอง
ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในหลาย ๆ ที่ในปัจจุบัน และในไม่ช้าจะเกิดขึ้นกับทุกที่ครับ
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho
2 Comments
จริงค่ะ เห็นด้วยเลยค่ะ
ขอบคุณครับ 🙂
Comments are closed for this article!