5 เทคนิคที่ทำให้เรา Productive

ผมว่าหัวข้อทำนองนี้ พูดกันได้ไม่รู้จักเบื่อ เพราะไม่ว่าใครก็มักจะอยากที่จะ Productive กันทั้งนั้น

แต่ก่อนที่เราจะ Productive เรามาให้ความหมายกันก่อนดีไหมครับ เพราะถ้าคำเดียวกัน แต่พูดกันคนละเรื่อง วิธีการที่จะนำไปถึงจุดหมายมันก็ย่อมต่างกัน

แล้วก็มาบอกว่า ทำแล้วไม่เห็นจะ work เลย ก็แน่สิครับ เพราะนิยามของ Productive มันต่างกัน

คราวนี้ แล้วใครจะเป็นคนตัดสินล่ะว่านิยามใครผิด ใครถูก สำหรับผม ผมว่าไม่มีนิยามกลางที่ใช้ได้กับทุกคนหรอกครับ ตัวเรานั่นแหละเป็นคนบอก

ถ้าถามผม คำว่า Productive ของผม ไม่ใช่การทำอะไรให้ได้ “มาก ๆ ” ในเวลาน้อย ๆ แต่เป็นการทำอะไรก็ตามที่มี Impact สูง ๆ ครับ

ดังนั้นเพื่อให้ได้สิ่งนี้ เทคนิคที่ผมใช้มีดังนี้ครับ

1. เลือกงานที่จะทำ

ถ้าผมจะต้องเลือกเพียงแค่เทคนิคเดียวที่จะส่งผลมากที่สุดในการเพิ่ม Productivity ของเรา ผมจะเลือกข้อนี้ครับ เพราะถ้าเราไม่หยุดยั้ง ใครให้ทำอะไร Say Yes หมด สุดท้าย จะใช้เทคนิคไหนมันก็ไม่ work หรอกครับ เพราะว่าเรามีเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น

ก่อนที่เราจะมาจัดการเวลาของเรา เราควรถามก่อนว่า งานที่ต้องทำที่ทำให้เรามาต้องจัดการเวลาน่ะ มันเป็นงานที่เราควรทำไหม ถ้าคำตอบคือไม่ อย่าใส่งานนั้นเข้ามาใน Schedule เราตั้งแต่แรกเลยครับ

บางคนอาจจะถามว่า แต่หัวหน้าสั่งมา ไม่ทำได้อย่างไร อยากให้ลองแบบนี้ครับ ไปคุยเลยครับว่า เราไม่ได้ถนัดเรื่องนี้ จะดีกว่าถ้าให้คนอื่นทำ แต่แน่นอนเราก็ต้องบอกเขาด้วยนะครับ ว่าเราถนัดอะไร จะบอกว่า ไม่ถนัดเลย ถนัดแต่รับเงินเดือนอย่างเดียว อันนี้ก็คงอยู่ในองค์กรต่อไปไม่ได้

2. จัดลำดับความสำคัญ

จริง ๆ ข้อนี้ แทบจะไม่อยากเขียน เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้ว แต่เชื่อไหมครับ ทั้ง ๆ ที่รู้กันนี่แหละ แต่ดันไม่ค่อยมีคนทำ

สำหรับผม ผมใช้ OKRs (Objective and Key Results) มาเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตครับ เราต้องทำงานเยอะแยะมากมาย แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้ถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องทำให้เสร็จให้ได้” และคำตอบนี้จะตอบได้ เราก็ต้องมีเป้าหมายระยะยาวของชีวิตก่อน

เจอเป้าหมายระยะยาว การสร้างเป้าหมายระยะสั้นมันก็ง่าย คราวนี้การจัดการเวลาก็ทำตามสิ่งที่สำคัญ แค่นี้เองครับ

3. สร้าง Deadline หรือ Commitment ให้ชัดเจน

เคยสังเกตไหมครับ คำว่า “จะทำ” มักจะลงเอยที่เราไม่ได้ทำ เรา “จะวิ่ง” เรา “จะออกกำลังกาย” แบบนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อย work ครับ

คำแนะนำผมคือ เติม Deadline เข้าไป ใส่ไว้ในตารางเลย แทนที่เราจะคิดว่า เรา “จะวิ่ง” ใส่ไปในตารางเลยครับ ว่า 7-8 น. วิ่ง แบบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นง่ายกว่า

จะให้ดีกว่านี้คือนัดคนอื่นมาวิ่งด้วยเลยครับ 7 โมงเจอกันที่สวนสาธารณะ แบบนี้คือการสร้าง Commitment ไว้ล่วงหน้า โอกาสพลาดก็จะน้อยไปอีก

4. แบ่งงานให้คนอื่นทำ

หลายคนที่ยุ่ง เป็นเพราะว่าเราไม่ไว้ใจคนอื่น เรากลัวคนอื่นจะทำได้ไม่ดีเท่าไร หรือแม้กระทั่งว่าเราเสียดายเงิน ผมก็เคยเป็นแบบนี้ครับ แต่สุดท้ายถ้าเราไม่เชื่อใจคนอื่นเลย คนที่หนักสุดคือเรา และเราก็ไม่มีทางทำงานที่มี Impact เสร็จได้ง่าย ๆ (หรืออาจจะไม่เสร็จเลย)

แน่นอนครับ ใหม่ ๆ คนที่เราให้เขาทำงานแทนในบางงานนั้น เขาอาจจะไม่เก่ง แต่ถ้าเราไม่เคยให้เขาทำเลย เขาจะเก่งได้อย่างไรใช่ไหมครับ

หรือในอีกกรณีหนึ่ง บางทีมีคนที่เขาเก่งกว่าเรา เราทำเองใช้เวลา 8 ชั่วโมง เขาใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว อย่างนี้ ให้เขาทำจะดีกว่าเยอะครับ อย่าไปคิดประหยัดเงินมาก ดูดี ๆ นะครับ ว่าเงินที่ประหยัดได้ เทียบกับเวลาที่เราต้องเสียไป ในหลายกรณีเรียกว่า คุ้มมาก ๆ ที่จะจ้างเขาทำนะครับ

5. อย่าหยุดเรียนรู้ 

หลายคนมักจะบอกว่า “จะเอาเวลาที่ไหนมาเรียนรู้ งานที่ทำก็ยังจะไม่ทันอยู่แล้ว” แต่ผมมองกลับกันว่า ก็ที่ทำงานไม่ทันนี่แหละมันแปลว่า เราอาจจะเรียนรู้ได้ไม่เยอะพอก็ได้

การเรียนรู้สำหรับผมมันคือการลงทุนครับ ถ้าเรายอมเหนื่อยเรียนรู้เพิ่มเติม บางทีงานที่เราเคยใช้เวลาทำ 5 ชั่วโมง เราอาจจะทำเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงก็ได้ แบบนี้คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก

เพียงแต่อย่าสักแต่ว่าเรียน เรียนไปเรื่อยเปื่อย ลองดูว่าเราต้องการใช้ทักษะอะไร แล้วเลือกเรียนสิ่งนี้ รับประกันได้ว่ามันคุ้มค่าแน่ ๆ ครับ

คำถามสุดท้ายคือ แล้วถ้าทำแล้วมัน work เราจะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรดี

คำตอบคงแล้วแต่คน แต่สำหรับผมคือ ผมจะเอาเวลาไปให้กับครอบครัวครับ ผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง (จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน) เขาบอกว่าเขาไม่เคยเห็นคนแก่บ่นเลยว่า ตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ฉันน่าจะทำงานให้มากกว่านี้ เขาเคยได้ยินแต่คนบ่นว่า น่าจะใช้เวลากับครอบครัว หรือ เพื่อน ๆ ให้มากกว่านี้

งานน่ะ ผมว่าใครก็ทำแทนเราได้ แต่ความเป็น “พ่อ” “แม่” หรือ “ลูก” ไม่มีใครในโลกนี้ทำหน้าที่นี้ดีได้เท่าเราอีกแล้วนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือ Twitter Nopadol’s Story หรือฟัง Podcast Nopadol’s Story ได้ที่ https://nopadolstory.podbean.com/

Recommended Posts

No comment yet, add your voice below!


Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *