1. ตั้งเป้าหมาย
ถ้าเราทำอะไรโดยไม่มีเป้าหมายอาจจะทำให้เราเสียเวลาหรือทรัพยากรไปโดยใช่เหตุ ดังนั้นก่อนที่เราจะทำให้อะไรก็ตาม ให้ลองถามตัวเองว่าเราทำเรื่องนั้นไปทำไม ความสำเร็จของการทำวัดได้อย่างไร เป้าหมายที่ดีต้องวัดผลได้ชัดเจน ยิ่งชัด ก็จะยิ่งทำให้เราทราบได้ว่าเราควรหรือไม่ควรทำอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
2. จัดลำดับความสำคัญ
เราทำได้ทุกอย่าง แต่เราทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ เพราะว่าเรามีเวลาและทรัพยากรจำกัด ถ้าเราพยายามทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน นอกจากจะทำได้ไม่ดีสักอย่างแล้ว ตัวเราอาจจะเบิร์นเอาท์หรือหมดแรงไปก่อนก็ได้ พยายามจัดลำดับความสำคัญ ทำให้สิ่งที่สำคัญให้ดีที่สุด แค่นี้เราก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว
3. จัดตารางการทำงานให้ชัดเจน
การที่เราทำตารางการทำงานหรือ To-do List ไว้ จะทำให้เราไม่ต้องมานั่งจำว่าแต่ละวันเราจะต้องทำอะไร เราควรมีตารางการทำงานให้ชัดเจนในทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน เพื่อให้เราไม่พลาดงานที่สำคัญ และยังทำให้เรารู้สึกภูมิใจเวลาเราทำงานแต่ละอย่างสำเร็จไปได้ตามตารางที่กำหนดไว้
4. ลดสิ่งที่ทำให้เราไขว้เขวได้ง่าย
ถ้าอยากจะทำงานให้สำเร็จ พยายามลดสิ่งที่ทำให้เราไขว้เขวลงให้น้อยที่สุด เช่น อย่าเพิ่งเล่นโซเชียลมีเดีย ปิดโทรศัพท์ พาตัวเองไปในที่ที่มีคนรบกวนให้น้อยที่สุด และทำงานให้เสร็จไปทีละงาน อย่าทำงานไปพร้อม ๆ กัน เพราะสมองเราจะต้องคอยปรับเปลี่ยนไปมาซึ่งจะทำให้เกิดความล้าได้ง่าย
5. หยุดพักบ้าง
ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความรู้สึก แต่ถ้าเราต้องการทำงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การหยุดพักเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการหยุดพักจะทำให้เราสดชื่นและมีพลังในการทำงานมากขึ้นและดีกว่าที่เราจะฝืนทำไปทั้ง ๆ ที่ร่างกายและจิตใจอ่อนล้า ซึ่งจะทำให้เราต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าปกติ แถมผลลัพธ์ยังไม่ดีอีกด้วย
6. ใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วย
เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้งานเราทำได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด ลองค้นหาดูว่ามีเครื่องมืออะไรบ้างที่จะช่วยทำให้งานเราสำเร็จได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าบางโปรแกรมอาจจะต้องจ่ายเงิน แต่จะบอกว่าบางทีมันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มซะอีก ถ้าเทียบกับการประหยัดเวลาและพลังของเรา
7. ติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่เสมอ
อยากทำงานให้สำเร็จ เราต้องคอยติดตามความก้าวหน้าของงาน เพื่อจะได้ทราบว่างานใดเป็นไปตามแผน งานใดล้าหลัง เพื่อป้องกันไม่เห็นเกิดความเครียดเมื่อมารู้ทีหลังว่าใกล้วันส่งแล้วแต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย การติดตามความก้าวหน้าจะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแผนการได้ทันท่วงทีเมื่องานล่าช้า และแถมยังเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานด้วย เมื่อเราได้เห็นความก้าวหน้าของงาน
8. ทบทวนและสะท้อนคิดอยู่บ่อย ๆ
เมื่อสิ้นสุดวันทำงาน เราควรกลับมาทบทวนและสะท้อนคิดว่า วันนี้เราได้ทำอะไรสำเร็จไปบ้าง มีอะไรเป็นอุปสรรคที่เราเจอ และเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง มีบทเรียนอะไรที่เราควรจะนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อทำให้งานดีขึ้นในอนาคต การเรียนรู้ในลักษณะนี้จะช่วยให้เราเก่งขึ้นและไม่ผิดพลาดในเรื่องเดิม ๆ อีก
9. ให้รางวัลกับตัวเอง
เมื่อเราทำอะไรได้สำเร็จ เราควรให้รางวัลกับตัวเองบ้าง เช่น การไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เช่นดูหนัง ดูซีรีส์ รับประทานอาหารอร่อย ๆ เล่นกีฬา สิ่งนี้จะเป็นการเพิ่มพลังให้เราอีกทางหนึ่ง และยังเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้เราอยากทำงานให้สำเร็จมากขึ้น
10. มองโลกในแง่ดีและมีแรงจูงใจอยู่เสมอ
โลกเรามีปัญหาและความซับซ้อนมากเพียงพอแล้ว อย่าให้ตัวเราทำร้ายตัวเราเองด้วยการมองโลกในแง่ร้ายเลย ถึงแม้ว่าเราจะเจออุปสรรคในงาน ลองมองว่ามันคือบทเรียนที่ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เชื่อมั่นในตัวเองว่าในที่สุดเราก็จะผ่านบทเรียนนี้ไปได้
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!