ความล้มเหลวคืออะไร

หัวข้อนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดูน่าจะชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ความล้มเหลวก็คือการทำอะไรไม่สำเร็จน่ะสิ จริง ๆ ก็ถูกนะครับ แต่ผมอยากจะมาชวนคุยในเรื่องนี้ว่าจริงหรือที่เวลาเราทำอะไรไม่สำเร็จ เราจะนับเป็นความล้มเหลวเสมอไป

สำหรับผมแล้ว ถ้าบอกว่านิยามของความล้มเหลวคือการทำอะไรไม่สำเร็จ ถามผมว่าเห็นด้วยไหม ผมจะบอกว่าเห็นด้วยครึ่งเดียว ใช่ครับ การทำอะไรไม่สำเร็จเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความล้มเหลว แต่ผมอยากเติมไปอีกว่า ความล้มเหลวคือการทำอะไรที่ไม่สำเร็จ และเราไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากสิ่งนั้นเลย

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง แล้วหุ้นตัวนั้นตก ทำให้เราขาดทุน ถามว่าการลงทุนนี้ล้มเหลวไหม ผมก็จะตอบว่า ล้มเหลวครับ ถ้าการขาดทุนครั้งนี้ไม่ได้สอนอะไรเราเลย เราไม่ได้มีอะไรรู้มากขึ้นเลย แบบนี้ผมถือว่าล้มเหลว แต่ถ้าการขาดทุนครั้งนี้ สอนให้เรารู้ว่าเราไม่ควรไปเชื่อข่าวมากนัก เราควรจะต้องศึกษาบริษัทที่เราอยากจะลงทุนให้ดีกว่านี้ แบบนี้ ผมยังไม่นับเป็นความล้มเหลวครับ

หรือถ้าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ ถ้าแฟนเราเลิกกับเรา ถ้าว่าเราล้มเหลวในความสัมพันธ์นี้ไหม ก็ต้องถามต่อว่า แล้วเราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้มากน้อยเพียงใด ถ้าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ผมว่าล้มเหลวครับ และมีโอกาสจะล้มเหลวแบบนี้อีกครั้งด้วย เพราะเราก็จะทำผิดแบบเดิมซ้ำ ๆ แต่ถ้าเราเรียนรู้ว่า เราน่าจะเอาใจใส่เขามากขึ้น หรือ อย่าหึงหวง หวาดระแวงมากเกินไป เพราะจะทำให้ความสัมพันธ์มันร้าวฉานได้ง่าย อะไรแบบนี้ ผมคิดว่าสิ่งนี้คือการเรียนรู้ และไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลวครับ

ถ้าเราคิดได้แบบนี้ เราจะไม่มีวันล้มเหลวได้เลย เราไม่ต้องกลัวความล้มเหลวด้วยซ้ำ เพราะความล้มเหลวมันจะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ดังนั้นเราตั้งเป้าหมายไว้ว่า เอาล่ะ ถ้าเราไม่สำเร็จในเรื่องนี้ เราจะได้เรียนรู้อะไรบ้างแบบนี้ มันก็จะมีแต่ สำเร็จหรือเรียนรู้ เท่านั้นแหละจริงไหมครับ

แบบนี้แปลว่างั้นเวลาทำอะไรไม่ต้องกลัวความล้มเหลว จัดให้หนักเลย ไม่ต้องระวังอะไรเลยไหม ไม่ใช่ครับ คือถ้าเราเอาความล้มเหลวมาเป็นบทเรียน เราก็คงต้องดูว่า บทเรียนนี้มีราคาแพงเพียงใด เราสามารถได้บทเรียนนี้โดยไม่ต้องจ่ายแพงขนาดนั้นได้หรือไม่

เช่นสมมุติเราจะลงทุนหุ้น อย่าเพิ่งไปขายบ้านขายรถเพื่อไปลงทุนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะหากขาดทุนมา ถึงแม้ว่าเราจะได้บทเรียน แต่เป็นบทเรียนที่ต้องใช้บ้านและรถเราไปแลกเลยนะครับ มันแพงเกินไป สู้ไปหาหนังสืออ่านเล่มละไม่เกิน 300 บาท เราก็อาจจะได้รับบทเรียนแบบเดียวกัน หรือถ้าจะลองลงทุน ลองใช้เงินน้อย ๆ ก่อน เสียไป ก็เป็นบทเรียนเหมือนกัน แต่ราคาถูกกว่ากันมาก

ลองดูนะครับ ยังไงถ้าเราล้มเหลวแล้ว อย่าล้มเหลวฟรี ๆ ครับ เปลี่ยนมันกลับมาเป็นบทเรียน แล้ววันหนึ่งผมมั่นใจว่าเราล้มเหลวน้อยลงเรื่อย ๆ และจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุดครับ

ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit

Recommended Posts

No comment yet, add your voice below!


Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *