ผมว่าคำถามนี้สำคัญนะครับ
คือถ้าถามคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่ก็มักจะตอบว่า “เงิน” สิที่สำคัญกว่า “เวลา” เพราะเงินเป็นที่มาของความสุข เช่น มีเงินก็เอาไปซื้ออาหารอร่อย ๆ กิน เอาไปท่องเที่ยว เอาไปซื้อของได้อีกจิปาถะ มีเวลา จะเอาไปทำอะไรได้
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เขาก็จะเปลี่ยน “เวลา” ที่เขามี ให้เป็น “เงิน” ก็อย่างที่เราไปทำงานกันทุกวันนี่แหละ ส่วนใหญ่แล้ว ก็ทำเพื่อให้ได้เงินมา ใช่ไหมครับ ลองบริษัทบอกว่า ต่อไปนี้ จะไม่จ่ายเงินแล้วนะ ผมว่าส่วนใหญ่ก็จะลาออกไปหางานที่อื่นทำกันใหม่
แต่ถ้าท่านอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเอง เขาก็จะบอกว่า คน “รวย” ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ “เวลา” มากกว่า “เงิน” เพราะเวลามันมีจำกัด หมดแล้ว หมดเลย ส่วนเงิน ถ้าหายไป ก็หากลับคืนขึ้นมาใหม่ได้ไม่จำกัด
ดังนั้นคนรวยจึงให้ความสำคัญกับเวลามากกว่า เขาจะจ้างให้คนส่วนใหญ่ทำงานแทนเขา เพื่อที่เขาจะได้มีเวลามากขึ้นไปทำในสิ่งที่เขาชอบและถนัดมากกว่า เพราะเขารู้ว่า เงินที่เขาใช้จ้างให้คนอื่นทำนั้น เดี๋ยวมันก็จะกลับมาหาเขา จากการที่เขาได้ทำงานที่เขาชอบและถนัดนั่นเอง
อ้าว แล้ว สรุปว่าอันไหนดีกว่ากันล่ะครับ
ความเห็นผมนะครับ ผมว่า ทั้ง 2 สิ่งนี้ มันมีความสำคัญทั้งคู่ครับ คืองี้ครับ มันขึ้นอยู่กับว่า ตอนนี้เรากำลังขาดอะไรมากกว่ากันเท่านั้น เรามักจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราขาดอยู่ จริงไหมครับ
เช่น ตอนนี้เรายังมีฐานะจนหรือปานกลาง เงินก็ไม่ค่อยมี แต่มีเวลาไปโน่นมานี่ สบาย ๆ ถ้าถามว่าตอนนี้เราอยากได้อะไร ส่วนใหญ่เราก็จะตอบว่า อยากได้ เงิน น่ะสิ จะได้รวย ๆ
เพราะอะไรรู้ไหมครับ ก็เพราะเรายังไม่มีเงินไง เรามีแต่เวลา เราจึงพยายามที่จะสร้างธุรกิจ รับทำงานเสริม หรือหางานที่ได้รายได้สูง ๆ โดยไม่ค่อยสนใจว่า มันจะทำให้เวลาเราหายไปแค่ไหน
แต่ถ้าเป็นคนรวยมาก ๆ เงินมีเหลือเฟือ แต่สิ่งที่เขาขาดไปคือ “เวลา” เพราะเขาต้องไปประชุม ไปเป็นประธานงาน
ต่าง ๆ เดินทางไปต่างจังหวัด ต่างประเทศเป็นว่าเล่น คนเหล่านี้ จึงโหยหา “เวลา” ไงครับ เพราะเงินเขามีเยอะพอแล้ว แต่ที่เขาขาดก็คือเวลานั่นเอง
ความเห็นของผมก็คือ เราต้องพยายาม Balance ในส่วนนี้ครับ เพราะถ้าเราเอียงไปทาง “เวลา” มาก ๆ เราก็จะเป็นคนที่วัน ๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อันจะทำให้เราอาจจะลำบากกาย ลำบากใจได้ภายหลัง แต่ถ้าเราเน้น “เงิน” มาก ๆ เวลามันก็หายไป
ข้อดีของเงิน คือ มันสร้างเก็บไว้ใช้ภายหลังได้ แต่ เวลา เราเก็บมันไว้ไม่ได้ แต่ข้อดีของเวลา คือมันมีมาให้เราตลอด ตื่นเช้าจนจบวัน เราก็มี 24 ชั่วโมง พรุ่งนี้ ก็มีมาใหม่อีก 24 ชั่วโมง แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่เงิน ถ้าไม่หา มันไม่มาหาเราเองนะครับ
คิดให้ดีนะครับ เวลาเราจะเปลี่ยน “เวลา” ไปเป็น “เงิน” ว่ามันคุ้มไหม เช่น เราจะรับทำงานนี้ เราได้เงินเท่าไร และเราต้องเสียเวลาอันมีค่าเราไปเท่าไร
ในทางกลับกัน เราก็ต้องคิดให้ดีอีกเช่นกัน เวลาเราจะเปลี่ยน “เงิน” ไปเป็น “เวลา” เช่น เราจะไม่ทำงานนี้แล้ว เราจะได้เวลากลับคืนมา แต่เราก็คงต้องยอมเสีย “เงิน” ที่จะได้ในส่วนนั้นไป หรือ เราจะขึ้นเครื่องบินไป แทนที่จะขึ้นรถบัสไป อันนี้เราจะมีเวลาเพิ่มขึ้น เอาไปทำสิ่งอื่นนอกจากการเดินทาง แต่อย่าลืมว่า เราก็อาจจะต้องจ่ายแพงกว่า (เอ จะใช่หรือเปล่านะ เดี๋ยวนี้ Low Cost Airline มันก็ถูกมาก ๆ 555)
แต่จะดีที่สุดเลย ถ้าเราได้ทั้ง “เวลา” ได้ทั้ง “เงิน” ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าใครเจอ ก็ถือว่าสุดยอดเลย จริงไหมครับ และผมเชื่อว่ามันมีอยู่จริงด้วย เพียงแต่เราตั้งใจจะหามันหรือเปล่าก็เท่านั้นเองครับ
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com หรือเข้าร่วมกลุ่ม Line@ ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40nopadolrompho
No comment yet, add your voice below!