เคยอ่านคำสัมภาษณ์ของนักธุรกิจชื่อดังหลาย ๆ คน มักจะเจอคำแนะนำว่า ถ้าโอกาสมา เราต้องรีบคว้าไว้ก่อน อย่ามัวแต่ลังเล ทำได้ไม่ได้ว่ากันทีหลัง เพราะโอกาสไม่ได้มาหาเราได้บ่อย ๆ
จริง ๆ ฟังแล้วก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อยนะครับ เพราะอย่างที่เขาบอกคือโอกาสไม่ได้มาบ่อย ๆ ตอบรับไปก่อน และเชื่อไหมว่าสุดท้ายเราก็จะหาทางทำจนได้เองนั่นแหละ คนที่เอาแต่กลัว ต่อให้โอกาสมา เราก็จะเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่ง คอยบอกว่าเรายังไม่พร้อม และถ้าเราจะรอให้พร้อม ตอนนั้นโอกาสก็อาจจะไม่ได้มาหาเราอีกได้ง่าย ๆ
เพียงแต่ว่าการที่เรารีบคว้าโอกาสมา มันต้องดูด้วยนะครับว่า การทำแบบนั้นมันไปทำความเสียหายให้กับตัวเองและคนอื่นหรือไม่ ในกรณีที่เราทำได้ไม่สำเร็จ เนื่องจากความไม่พร้อมของเราเอง
เช่น สมมุติว่าเขาจะให้เราไปดูแลลูกค้าคนสำคัญคนหนึ่งอยู่ที่ต่างประเทศ เราจะได้เงินเดือนขึ้น แถมได้ตำแหน่งด้วย ถ้าใช้หลักการแบบข้างบนคือโอกาสมาคว้าไว้ก่อน เราอาจจะตอบรับโดยไม่ต้องคิดเลยว่า เราเชี่ยวชาญเรื่องนั้นไหม ภาษาเราได้ไหม เรียกว่าคว้าไว้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน
แต่ในกรณีนี้ ถ้าเราทำผิดพลาด บริษัทอาจจะเสียลูกค้าคนสำคัญนี้ไปเลย นอกจากจะทำความเสียหายให้กับบริษัทแล้ว ยังทำให้ชื่อเสียงตัวเองเสียหายไปอีกด้วย เพราะเราอาจจะโดนตำหนิได้เลยว่า ทำไม ไม่บอกว่าเราภาษาไม่ดี หรือไม่มีความรู้ด้านนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะให้โอกาสเราก็เหอะ แต่ถ้าเขาเข้าใจอะไรผิด ตัวเราเองนี่แหละควรจะต้องบอกเขา ไม่ใช่กระโดดรับโอกาสโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น
อีกประการหนึ่งคือ การที่โอกาสมา ไม่ได้แปลว่าเราควรจะต้องรีบคว้าไว้ก่อนในทุกครั้งนะครับ รอดูดี ๆ ว่าโอกาสนั้นคือสิ่งที่เราอยากได้จริง ๆ ไหม เช่น ตัวอย่างเดิม ที่เขาจะให้เราไปทำงานต่างประเทศ เพื่อดูแลลูกค้าคนสำคัญ ถามตัวเองก่อนว่านี่คือโอกาสที่เราอยากได้หรือไม่ บางที นอกจากเราไม่ได้ถนัดเรื่องนี้แล้ว เราอาจจะเกลียดงานประเภทนี้เลยก็ได้
การรีบกระโจนไปคว้าโอกาสทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เป็นเส้นทางที่เราจะเดินไป ถึงแม้ว่าเราอาจจะพอทำได้ หรือแม้กระทั่งทำได้ดี แต่มันจะเป็นทางแยกที่ทำให้เราเดินผิดถนนไปอีกนาน เขาอาจจะชื่นชมเรา และ Promote เราไปให้ทำงานนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตัวเรายิ่งทำ ก็ยิ่งทุกข์ แบบนี้การคว้าโอกาสโดยไม่ได้คิดอะไร อาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีก็เป็นได้
โอกาสก็เหมือนกับรถประจำทางแหละครับ คันนี้มาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรคันต่อมาจะมาอีก แต่ก่อนที่เราจะรีบกระโดดขึ้นรถ ดูให้ดีก่อนว่าสายนี้จะพาเราไปยังจุดหมายหรือไม่ ไม่เช่นนั้น กว่าจะรู้ตัว เราก็มาสุดทาง กว่าจะรู้ว่าเราขึ้นรถผิดสาย
ดูกันดี ๆ นะครับ ถ้าโอกาสนั้นเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับเรา ถึงแม้ว่าเราจะไม่พร้อม แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเราและคนอื่นเดือดร้อน ถ้าเป็นแบบนั้น ลุยได้เลยครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!