ดูเหมือนปัจจุบันกระแสของการเพิ่ม Productivity เป็นกระแสที่มาแรงมาก เราเจอหนังสือ Podcast ที่กล่าวถึงเทคนิคต่าง ๆ ตลอดเวลา เรากำลังหาวิธีการทำงานที่ดีที่สุด การทำน้อยแต่ได้มาก และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่คำถามคือเราต้องการเพิ่ม Productivity ไปทำไม สมมุติว่าแต่ก่อนเราสามารถทำงานเสร็จ 10 เรื่องใน 1 สัปดาห์ โดยแต่ละวันเราใช้เวลาทำงาน 12 ชั่วโมงเต็ม และต้องทำ 7 วัน ไม่มีวันหยุด แต่ต่อมาเราหาหนทางเพิ่ม Productivity จึงทำให้เราสามารถทำงาน 10 เรื่องนั้นได้เสร็จภายใน 5 วัน และแต่ละวันใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น แบบนี้ดูแล้วการเพิ่ม Productivity ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมครับ
คำตอบคือใช่และไม่ใช่ครับ คือใช่ในมุมที่ว่า งานเท่าเดิม เราใช้เวลาน้อยลง ซึ่งก็น่าจะดี แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่า แล้วเวลาที่เราลดลงได้ เราเอาไปทำอะไร
ถ้าเราเอาเวลาที่เราลดลงได้ ไปเพิ่มให้กับการทำงานอีก แปลว่า สุดท้ายเราก็ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์เหมือนเดิม เพื่อทำให้ได้งานมากขึ้นจาก 10 เรื่องเป็น 15 เรื่อง แบบนี้สุดท้ายเราก็จะ Burnout ไม่ว่าเราจะเพิ่ม Productivity ได้อีกหรือไม่ เพราะสุดท้ายถึงแม้ว่าเราจะหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้น มี Productivity ที่เพิ่มขึ้น เวลาที่ลดลงได้ ก็จะถูกเติมเต็มด้วยจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นการเพิ่ม Productivity ที่จะดีกับเรา คือเราต้องเอาเวลาที่ลดลงได้ไปใช้อย่างอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องงาน โดยเราควรเอาเวลานั้นไปใช้พักผ่อนครับ
คนที่บ้างานหรือมีอาการของ Workaholics คงเข้าใจความรู้สึกประมาณว่าพอหยุดพักเมื่อไรก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะใจเราจะคิดถึงแต่งานแต่เพียงอย่างเดียว ไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้นครับ แต่วิธีแก้ไขคือ เราคิดว่าการพักผ่อนนี่แหละเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สำคัญมาก ๆ
ลองคิดถึงรถยนต์ดูก็ได้ครับ หน้าที่หลักของรถยนต์คือการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะจุดมุ่งหมายของการขับรถคือการย้ายจากจุด A ไปจุด B เมื่อไรก็ตามที่เราจอดรถ เราจะรู้สึกว่ามันเสียเวลา และอาจจะทำให้เราไปถึงจุดหมายได้ช้าใช่ไหมครับ
แต่อย่าลืมว่าถ้าเราขับรถโดยไม่จอดเลย สุดท้ายเราจะไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลยก็ได้ ยิ่งจุดหมายปลายทางเราไกลเท่าไร เราต้องจอดเติมน้ำมัน จอดเพื่อพักเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป ไม่มีใครที่ขับรถ 3 วัน 3 คืนโดยไม่จอดได้หรอกครับ ขนาดรถแข่ง เขายังต้องมีจุดจอดเปลี่ยนยาง เติมน้ำมันกันเลย ไม่งั้นรถก็ยางแตก หรือไม่ก็น้ำมันหมด
ชีวิตก็เช่นกันครับ การทำงานมันไม่ได้ทำแค่วันเดียวแล้วจบ เราทำกันหลายสิบปี แล้วถ้าเราไม่หยุดพักบ้าง มันก็เหมือนรถที่เร่งเครื่องตลอดเวลานั่นแหละครับ สุดท้ายร่างกายเราก็พัง คือ ลองถามตัวเองว่าเราจะหยุดเอง หรือเราจะต้องโดนบังคับให้หยุด คือยังไงก็หยุดอยู่แล้ว แต่หยุดเอง ดีกว่าโดนบังคับให้หยุดจากความป่วยไข้ของร่างกายเราตั้งเยอะ
นอกจากนั้นเชื่อไหมครับ การที่เราหยุดพักที่ดูเหมือนเราจะมีเวลาในการทำงานน้อยลงนั้น แท้จริงแล้ว เราจะมีผลงานดีขึ้นก็เป็นไปได้เช่นกัน เช่น บางคนอาจจะทำงานถึงตี 2 ตี 3 ทุกวัน แต่เวลาช่วงดึก ๆ ที่เราล้ามาก ๆ นั้น เราอาจจะทำงานได้ไม่ดีนัก งานบางอย่าง ทำตอนเรามีเวลาสดชื่น 30 นาทีก็เสร็จ แต่ตอนที่เราหมดแรง เราอาจจะต้องใช้พลังกาย พลังใจ และใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
แถมตอนเช้าต้องรีบตื่นไปทำงานอีก วันถัดไปก็ไม่สดใสตั้งแต่เริ่มต้นวันเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่หากเราพักผ่อนเพียงพอ ตอนเช้าเราก็มีพลังกลับมาเต็มเปี่ยม และท้ายที่สุดเมื่อวัดกันที่ผลงาน เราจะเห็นว่าคนที่พักผ่อนพอจะมีปริมาณและคุณภาพของงานดีกว่า คนที่พักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่า ถ้าใครบ้างาน คิดซะว่าการพักผ่อนคือการทำให้เราได้งานเยอะขึ้น เป็นอีกหนึ่งในวิธีของการเพิ่ม Productivity ก็ได้ครับ
ข้อคิด พักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้เราประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องงานและเรื่องชีวิต
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!