ใครชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล น่าจะเคยได้เห็นคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเก็บเงินกันมาบ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบทำเวลาอยากเก็บเงิน ก็คือเอารายได้ที่มีมาหักออกด้วยค่าใช้จ่าย และเหลือเท่าไรก็เอาส่วนนั้นไปเก็บออม
ปัญหาของการทำแบบนี้คือเรามักจะไม่ค่อยเหลือ เคยสังเกตไหมครับ เวลาเรามีเงินในกระเป๋าเดี๋ยวแป๊บเดียวมันก็หมด เพราะเราจะไปเจอของอันนั้น อันนี้แล้วเราก็ชอบ ชอบแล้วดูเงินในกระเป๋ามีก็ควักออกมาซื้อ สุดท้ายเงินก็หมดไปทุกที
บางคนอาจจะรอว่างั้นถ้าเราเงินเดือนขึ้น เราน่าจะมีเหลือเก็บบ้างแหละ แต่ความจริงมักจะไม่เป็นเช่นนั้น รายได้มากขึ้นก็จริง แต่แปลกค่าใช้จ่ายเราก็มักจะขยับขึ้นตาม เพราะพอรายได้เพิ่ม เราก็อยากได้ของต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก สุดท้ายเงินเก็บก็ไม่มีอยู่ดี
หลักการที่หนังสือเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลแนะนำส่วนใหญ่ก็คือ เราต้องจ่ายให้ตัวเองก่อนเสมอ แปลว่า แทนที่จะเอารายได้หักออกด้วยค่าใช้จ่าย แล้วเอาส่วนที่เหลือมาเก็บ ให้เราจัดการเอารายได้หักออกด้วยเงินเก็บ แล้วที่เหลือจึงค่อยนำไปใช้จ่าย
ทำแบบนี้เราจะมีเงินเก็บทุกเดือน พอครบปี เราจะแปลกใจว่าเราเก็บเงินได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ อาจจะมีคำถามว่า แล้วเราจะมีเงินพอกับค่าใช้จ่ายหรือ คำตอบคือส่วนใหญ่จะพอครับ เพราะตามธรรมชาติของเราคือพอเรามีเงินน้อยหรือไม่มีเงิน เราจะบังคับตัวเองได้มากขึ้น
ผมเข้าใจบริบทของหลายท่านนะครับ บางท่านอาจจะบอกว่ามันไม่พอจริง ๆ เจอค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แค่นี้รายได้ก็ติดลบแล้ว แบบนั้นเราคงต้องพยายามหารายได้เพิ่มหรือบริหารจัดการหนี้กันให้ดีก่อน แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังอยากแนะนำให้เราลองหักเงินเล็กน้อย ๆ สักร้อยสองร้อยก็ได้ เก็บไว้อยู่ดี เวลาเราเก็บเงินได้มันเป็นความสุข และมีส่วนช่วยในเชิงจิตวิทยาเหมือนกัน มันคล้าย ๆ ว่าเราสร้างความมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการบริหารจัดการเงินของเรา
ไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะครับ เรื่องการดำเนินชีวิตทั่วไปก็เช่นกัน ก่อนที่เราจะไปช่วยคนอื่น อย่างแรกเราต้องดูแลตัวเราเองก่อน เราต้องมีความสุขทั้งทางกายและทางใจก่อน ไม่เช่นนั้นยิ่งเราจะพยายามไปช่วยคนอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเรากำลังแย่อยู่ ไม่ใช่แค่ช่วยคนอื่นไม่ได้ ตัวเราก็จะแย่ตามคนอื่นหรือแย่ไปกว่าคนอื่นซะอีก
เวลาขึ้นเครื่องบิน เขาถึงมีคำเตือนอยู่เรื่อย ๆ ไงครับว่า ถ้าความกดอากาศภายในเครื่องบินผิดปกติ เขาให้เราใส่หน้ากากเพื่อช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะไปช่วยเหลือเด็ก ๆ เพราะถ้าเรามัวจะไปช่วยเด็กก่อน แล้วเราหมดสติไปก่อน ไม่ใช่แค่ช่วยเด็กไม่ได้ ตัวเราก็จะแย่ตามไป
การจ่ายให้ตัวเองก่อนทั้งในเรื่องการเงิน และเรื่องการดำเนินชีวิต ไม่ใช่การเห็นแก่ตัว เพราะทั้งหมดที่เราทำนี้ เราทำให้ตัวเองแข็งแรง จะได้มีความสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ต่อไปครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!