เคยได้ยินคำแนะนำประมาณว่า เราไม่ต้องกลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวจะเป็นบทเรียนให้กับเรา ล้มไปก็ไม่เป็น เรา ควรเรียนรู้จากความล้มเหลวของเรา สุดท้ายถ้าเราไม่ล้มเลิกซะก่อน เราก็จะสำเร็จจนได้
ส่วนตัวผมว่าเป็นคำแนะนำที่ดีนะครับ เพราะถ้าเราเอาแต่กลัวไม่อยากจะล้มเหลว เราคงไม่ได้เริ่มทำอะไรสักอย่าง และถ้าเราไม่กล้าเริ่มทำอะไร โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จมันก็น้อยมาก ๆ จะหวังว่าความสำเร็จจะลอยมาหาเราโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ก็คงเกิดขึ้นได้ยาก
จริง ๆ แล้วจะว่าไป ความล้มเหลวอาจจะเป็นขั้นตอนหนึ่งของความสำเร็จเสียด้วยซ้ำ คือมีคนจำนวนน้อยมาก ๆ ที่ทำครั้งแรกแล้วไม่เจออุปสรรคอะไรเลย สำเร็จทันที ส่วนใหญ่ก็ผ่านการลองผิดลองถูกกันมานักต่อนักแล้ว จนกระทั่งพบวิธีการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด เราจะล้มเหลวกี่ครั้งก็ได้ ขอสำเร็จครั้งเดียว เราก็จะสบายไปตลอดแล้ว
เพียงแต่ว่าคำพูดดังกล่าวมีข้อควรระวังอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกคือ เราล้มเหลวกี่ครั้งก็ได้ แต่มันต้องเป็นการล้มเหลวที่เรายังพอลุกไหว ไม่ใช่ล้มเหลวหนัก ๆ จนต้องใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมาได้
ยกตัวอย่างการทำธุรกิจก็ได้ครับ แน่นอนการทำธุรกิจโอกาสที่จะล้มเหลวมันเยอะอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงรวยกันไปทั้งโลกแล้ว แต่เวลาเราเจ๊ง มันต้องอยู่ในระดับที่เราพอจะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ ๆ ได้ ไม่ใช่ว่ากู้หนี้ยืมสินมาหลายสิบล้าน เจ๊งที ต้องขายบ้าน ขายรถ อะไรแบบนี้ เพราะถ้าแบบนั้น ถึงแม้เราจะเรียนรู้จากความล้มเหลวของเราได้ แต่รู้ไปก็เท่านั้น เพราะมีหนี้ท่วมหัว ไม่มีปัญหาที่จะกลับมาลองผิดลองถูกใหม่ได้อีก อาจจะใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปีเลยด้วยซ้ำกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม
เรื่องอื่น ๆ ก็เช่นกันนะครับ ก่อนที่เราจะคิดว่าทำไปเถอะ เดี๋ยวล้มเหลว เราก็เรียนรู้ได้ ถามตัวเองก่อนว่า ล้มเหลวนั้นมันจะหนักหนามากแค่ไหนด้วย ความล้มเหลวจะเป็นบทเรียนให้เรา เมื่อเราสามารถกลับมาใหม่ได้นะครับ
อีกประการหนึ่งคือ ใช่ครับ ถ้าเราล้มเหลว เราควรเรียนรู้ เอาความล้มเหลวนั้นมาเป็นบทเรียน อย่าล้มเหลวฟรี ๆ แต่นั่นเป็นคำแนะนำหลังจากเราล้มเหลวแล้วนะครับ แต่ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตาม เราควรจะไปศึกษาความล้มเหลวที่เกิดจากคนอื่นก่อนดีไหม
ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำนั้น คงไม่ใช่เราเป็นคนแรกในโลกหรอกที่จะทำสิ่งนั้น เราอยากเปิดร้านกาแฟ มีคนเปิดก่อนเราเยอะแยะ เราจะเขียนหนังสือขาย มีคนเขียนหนังสือขายก่อนเรามากมาย คราวนี้ มันก็มีคนที่ทำแล้วสำเร็จและก็ล้มเหลว ศึกษาจากคนสำเร็จก็ดีครับ เราจะได้แนวทางไปลองทำดู
แต่อย่าลืมศึกษาจากคนที่ล้มเหลวด้วย ถ้าเราจะเปิดร้านกาแฟ ลองไปคุยกับคนที่เคยเปิดและปิดร้านมาแล้ว อยากเป็นนักเขียน ลองคุยกับคนที่เคยเขียนหนังสือแล้วขายไม่ออกด้วย เพราะความผิดพลาดเหล่านั้น นอกจากจะเป็นบทเรียนกับตัวคนทำแล้ว มันจะเป็นบทเรียนให้กับเราด้วย เรื่องอะไร เราจะต้องสุ่มสี่สุ่มห้าทำไปแบบเดียวกับเขา และก็ล้มเหลวเหมือนเขา เพื่อจะได้บทเรียนอีกล่ะ
ใช่ครับ บางทีมันก็ไม่ง่ายในการไปถามความผิดพลาดจากคนที่ล้มเหลว เพราะเขาก็คงไม่อยากบอกอยากเล่า แต่ไม่ง่าย ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ มีหนังสือหลายเล่มที่เขาเขียนกรณีที่ล้มเหลวเยอะแยะ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปขอพูดคุยกับคนเหล่านั้น ผมคิดว่าหลายคนเขาก็ใจกว้างพอที่จะเล่าให้เราฟัง
แต่อย่าลืมว่าเมื่อเราสำเร็จ หรือ แม้กระทั่งยังไม่สำเร็จ แต่มีใครมาขอคำแนะนำเรื่องที่เราล้มเหลว ก็เล่าให้กับเขาฟังด้วยนะครับ ทำดีต่อกันต่อ ๆ ไป ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี และไม่แน่เราอาจจะได้เพื่อน หรือได้ร่วมมือกันต่อไปในอนาคตด้วยนะครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!