ทุกครั้งที่ผมป่วยไปโรงพยาบาลซึ่งเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง หรือได้มีโอกาสพาคนใกล้ตัวไปโรงพยาบาลและได้รับการรักษาจนหาย ความรู้สึกแรกคือดีใจที่เราและคนที่เรารักได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจนหาย และขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ช่วยรักษาให้เป็นอย่างดี
หลังจากมีความรู้สึกแบบนี้แล้ว ความรู้สึกต่อมาที่ผมมักจะมีคือ เราโชคดีมากเลยนะที่พอจะมีเงินและโอกาสที่ได้รับการรักษาแบบนี้ แต่คนจนล่ะ เขาจะมีโอกาสได้รับการรักษาแบบนี้ไหม ทำให้ผมเมื่อมีโอกาสเมื่อไร ผมมักจะบริจาคให้กับผู้ป่วยยากไร้มาตลอด และทำโครงการต่าง ๆ เพื่อเอาเงินไปบริจาค เช่น โครงการหนังสือเพื่อการทำบุญที่ผมจะเอาหนังสือที่ผมอ่านจบไปประมูลใน Page Nopadol’s Story ทุกสัปดาห์ และเมื่อได้รับเงินมา ผมก็นำเอาเงินเหล่านั้นไปบริจาคโดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายแต่ประการใด
ผมว่าตอนนี้โลกของเรา ซึ่งเป็นโลกแห่งทุนนิยมนั้น ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่รวยก็ยิ่งรวยเข้าไปใหญ่ ในขณะที่คนจนก็ยิ่งจนหนักขึ้นไปอีก เหตุผลง่าย ๆ เพราะยิ่งเรามีเทคโนโลยี เรามีความก้าวหน้าต่าง ๆ มากเท่าไร คนรวยก็ยิ่งได้รับโอกาสที่เข้าถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้ง่ายขึ้นอีก ก็ยิ่งทำให้เขารวยได้อีก ส่วนคนจนนั้น แค่หาเลี้ยงชีพก็ยังแทบจะไม่ไหวเลย โอกาสที่เขาจะเข้าถึงเทคโนโลยีความก้าวหน้าเหล่านั้นก็ยิ่งยาก และโอกาสที่ชีวิตเขาจะดีขึ้นก็ยิ่งยากตามไปด้วย
แน่นอนครับ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมส่วนหนึ่งต้องเป็นหน้าที่ของรัฐ ที่มีทั้งอำนาจ เงิน และสามารถสร้างนโยบายขับเคลื่อนได้หลาย ๆ อย่าง ให้มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง หรือการเพิ่มการศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส ซึ่งจะเป็นวิธีการที่จะทำให้เขาและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ถ้าเราจะรอเพียงแต่รัฐ ผมว่าอาจจะช้าไปในบางเรื่อง บางทีตัวเราตัวเล็ก ๆ นี่แหละครับ สามารถลุกขึ้นมาเพื่อช่วยเรื่องนี้ได้ และผมเชื่อว่าเมื่อความเหลื่อมล้ำลดลง สังคมเราก็จะน่าอยู่ขึ้น เมื่อสังคมน่าอยู่ขึ้น เราก็จะมีความสุขมากขึ้น
แล้วเราจะช่วยได้อย่างไร ส่วนตัวของผม ผมคิดว่า ถ้าเราพอจะมีกำลังเงิน เราสามารถบริจาคเงินให้กับคนที่ด้อยโอกาสในเรื่องใดก็ตามที่เรามีความต้องการ ผมว่าแค่นี้เราก็สามารถช่วยได้แล้ว และด้วยประสบการณ์ผมนะครับ นอกจากเราจะได้ช่วยเหลือคนอื่นแล้ว ตัวเรานี่แหละครับยิ่งมีความสุขกับการให้ และอาจจะเป็นความสุขที่มากกว่าการเอาเงินไปซื้อของที่บางครั้งเราไม่ได้อยากได้จริง ๆ ด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่อาจจะยังไม่ได้มีความพร้อมในการบริจาคเงิน เราสามารถให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินก็ได้ครับ เช่นการเป็นอาสาสมัคร การไปช่วยให้ความคิดเห็นกับสมาคมหรือหน่วยงานที่ช่วยเหลือผุ้ด้อยโอกาสต่าง ๆ บางคนมีความรู้ ก็อาจจะนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือหน่วยงานหรือองค์กรเหล่านั้น ที่จะทำให้เขาสามารถปฏิบัติงานได้ดีขึ้น หรือไปให้ความรู้โดยตรงกับผู้ด้อยโอกาสก็ยังได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้เขาสามารถหารายได้เพิ่มเติม หรือสอนให้รู้จักการพักผ่อน การรักษาสุขภาพกายใจ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย
การที่เราได้มีโอกาสทำในสิ่งเหล่านี้โดยไม่ได้หวังผลอะไรนี่แหละครับ จะมีส่วนทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลงได้ และก็จะเป็นเหมือนกับการสะสมความสุขให้กับตัวเราได้อีกด้วย
ลองหาดูนะครับว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง จะมากจะน้อยไม่เป็นไรครับ
ข้อคิด ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมจะช่วยทำให้เรามีความสุขด้วยเช่นกัน
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!