ผมว่าเวลาเราเด็ก ๆ เรามักจะถูกสอนให้ เห็นอกเห็นใจ ผู้อื่น เพราะเวลาเราทำอะไร ถ้าเราไม่คำนึงถึงคนอื่นเลย เราอาจจะชอบ อาจจะสนุก แต่คนอื่นอาจจะไม่สนุกไปกับเราด้วย
ตัวอย่างที่เรามักจะเห็นก็คือการแกล้งเพื่อนนี่แหละครับ จริง ๆ หลายครั้งการแกล้งเพื่อนไม่ได้เกิดจากเจตนาอยากทำให้เพื่อนมีความทุกข์ (คือก็คงมีบ้างในบางกรณี) แต่มันแค่เกิดจากความสนุกของคนที่แกล้งมากกว่า เช่น แกล้งล้อปมด้อยของเพื่อน แกล้งล้อชื่อพ่อแม่ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ถ้าเราเห็นอกเห็นใจเพื่อนเรา เราก็จะไม่ทำ เพราะเราจะคิดได้ว่า ถ้าเป็นเราโดนล้อปมด้อย เราก็คงไม่ชอบ ดังนั้นการเห็นอกเห็นใจจึงเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ใหญ่มักจะสอนเรา และเราก็ควรทำตาม
อย่างไรก็ตาม เกือบทุกอย่าง อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ดีเหมือนกัน ความเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่ถ้าเราเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากจนกระทั่งมาเบียดเบียนตัวเรา แบบนี้ก็เริ่มจะไม่ดีแล้ว
เช่น เราเห็นญาติเราเขามีปัญหาทางด้านการเงิน เราก็ให้เขายืมเงินไปจนหมด เพราะเห็นใจเขา แต่เขากลับเอาเงินในไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย สุดท้ายปัญหาการเงินเขาก็มีเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเรากลายเป็นอีกคนที่มีปัญหาการเงินแบบเดียวกับเขา
อันนี้เรียกว่าเห็นอกเห็นใจมากเกินไป จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อตัวเราหรือครอบครัวเราได้เลย
อีกรูปแบบหนึ่งคือบางทีเราอาจจะไม่ได้เดือดร้อน แต่ด้วยความเห็นอกเห็นใจของเรา เราอาจจะพยายามไปช่วยในสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการเลย
ผมดูซีรีส์ฝรั่งเรื่องหนึ่งคือเรื่อง Downton Abbey ใครยังไม่เคยดูแนะนำเลยนะครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบดูชีวิตของบุคคลชั้นสูงของอังกฤษ คือมันมีอยู่ตอนหนึ่งที่พ่อบ้านและแม่บ้านของคฤหาสน์ที่ท่านลอร์ดอยู่ เขาจะแต่งงานกัน
ท่านลอร์ดและลูก ๆ ก็รักพ่อบ้านแม่บ้านคู่นี้มาก และรู้สึกเห็นอกเห็นใจว่าเขาเป็นเหมือนคนรับใช้ เขาคงไม่ค่อยได้มีโอกาสจัดงานแต่งงานในที่ดี ๆ ก็เลยเสนอให้จัดงานแต่งในคฤหาสน์ที่ตัวเองอยู่
ดูเผิน ๆ คู่บ่าวสาวก็น่าจะดีใจนะครับที่เจ้านายให้โอกาสจัดงานแต่งงานหรูหราในคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ โดยเฉพาะเจ้าสาว เขาอยากจัดงานเล็ก ๆ ของเขา เป็นส่วนตัวมากกว่าจะไปจัดงานใหญ่โตในคฤหาสน์แบบนั้น
นี่คือตัวอย่างของความเห็นอกเห็นใจ ที่จริง ๆ แล้ว เป็นการทึกทักไปเองว่า เขาคงอยากได้อย่างนั้น อย่างนี้ และก็ทำไปด้วยความหวังดี บางคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าเราเคยทำอะไรแบบนี้ไหม ใครมีลูก ผมเชื่อว่าเคยกับเกือบทุกคนแหละครับ ที่เราหวังดีทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้ลูก ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ต้องการเลยก็ได้ เพียงแต่ลูกอาจจะไม่กล้าบอกเราเท่านั้น
จริง ๆ ไม่ได้ต่อต้านความเห็นอกเห็นใจหรอกนะครับ เพราะมันทำไปด้วยเจตนาดี แต่อยากให้เพิ่มความเข้าอกเข้าใจเข้ามาด้วย ลองคิดดูให้ดีว่า สิ่งที่เราจะทำนั้น มันเบียดเบียนเราไหม หรือมันเป็นคนที่เราเห็นอกเห็นใจเขาอยากได้จริง ๆ ไหม
ถ้าตรวจสอบดูแล้วคิดว่า ทำไปเราไม่เดือดร้อน และ เขาอยากได้แน่ ๆ ก็ทำไปได้เลยครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!