ถ้าใครอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเองบ่อย ๆ น่าจะเคยได้ยินคำกล่าวประมาณว่าให้เรา ทำในสิ่งที่รัก แล้วเราจะประสบความสำเร็จเอง ซึ่งถามว่าเป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลไหม ต้องตอบว่ามีเหตุผลมาก ๆ เพราะธรรมชาติของมนุษย์เวลาเราได้ทำอะไรในสิ่งที่เรารัก เรามักจะไม่ค่อยล้มเลิก และเมื่อเราทำต่อเนื่อง โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จจะมีสูงขึ้น
นอกจากหนังสือแล้ว เราก็ยังเห็นตัวอย่างของคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ประสบความสำเร็จ เวลามีคนไปสัมภาษณ์เขา คำตอบก็จะออกมาทำนองว่าที่เขาสำเร็จเพราะเขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก เขาได้ทำตาม Passion หรือความลุ่มหลงของเขา
ฟังดูก็ไม่น่าจะมีปัญหานะ แต่ถ้าใครเริ่มลองทำอะไรสักอย่างดู จะรู้ว่าการตามหาสิ่งที่เป็น Passion นั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย บางคนไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรคือ Passion ของตัวเอง ยิ่งหา ก็ยิ่งไม่เจอ และแม้ว่าบางคนเจอ Passion ของตัวเอง แต่จะมีอะไรการันตีว่าการทำในสิ่งที่รักจะทำให้เราประสบความสำเร็จ
ผมยกตัวอย่างตัวผมเองเลยละกันครับ ตอนเด็ก ๆ ผมมีความฝันว่าผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ต้องเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าตอนผมเด็ก ๆ เรายังไม่มีฟุตบอลอาชีพกันเลยนะครับ คือคนที่เตะฟุตบอลก็จะเป็นคนที่ทำงานในองค์กรที่ตั้งทีมฟุตบอลนั้น ๆ และต้องบอกว่ารายได้ก็น้อยมาก ๆ ถ้าเทียบกับนักฟุตบอลอาชีพในสมัยนี้
แต่นั่นก็คือความฝันผม ผมฝันถึงขนาดที่ว่าอยากจะไปอังกฤษไปเตะฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทราบดีว่ามันยากถึงยากมาก เพราะก็ไม่มีใครรู้จักอยู่อังกฤษ และอีกอย่างก็ต้องยอมรับว่าความสามารถผมก็ไม่ได้มากมายอะไรเลย ทีมโรงเรียนยังไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
พอโตขึ้นมาความฝันนั้นก็ค่อย ๆ หายไป เนื่องจากเรายอมรับความจริงได้ว่าเราไม่ได้เก่งมากมายขนาดนั้น แถมโอกาสก็ไม่ได้เปิดให้ได้ทำตามฝันด้วย ผมก็เลยดำเนินชีวิตตามระบบ คือตั้งใจเรียน จบมาทำงาน ตอนนั้นเนื่องจากผมเรียนค่อนข้างดี ก็เลยสอบเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่จุฬา ฯ ซึ่งก็ถือว่าเป็นที่นิยมมากคณะหนึ่ง เรียนจบมาก็ทำงานเป็นวิศวกร
แต่ในที่สุดจากการที่ได้ไปเรียนปริญญาโททั้งทางด้านวิศวกรรมเคมี และทางด้านบริหารธุรกิจ ทำให้ผมเห็นว่าผมถนัดด้านบริหารธุรกิจมากกว่า เลยหันเหมาเรียนปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจ ซึ่งต้องบอกว่าผมทำได้ดีพอสมควรทีเดียว จนกระทั่งมาเป็นอาจารย์ในปัจจุบัน
กำลังจะบอกว่าถ้าผมยึดหลักการทำตามความฝันเป็นที่ตั้ง ผมอาจจะออกจากโรงเรียนไปเตะฟุตบอล เอาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรนะครับ แต่มีแนวโน้มว่าคงไปไม่ได้ไกลสักเท่าไร เพราะอย่างที่บอกว่าความสามารถในการเตะฟุตบอลผมก็ไม่ได้ดีอะไร สุดท้ายชีวิตจะหันเหไปทางไหนก็ไม่รู้
แต่กลับกลายเป็นว่าการที่ผมได้ทำในสิ่งที่ถนัดมากกว่าคือด้านการบริหารธุรกิจ มันทำให้ผมทำได้ดีมาก ๆ ระดับหนึ่ง และนำผมมาพบกับอาชีพอาจารย์ที่ได้ใช้ความรู้ด้านนี้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ผมทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จมากทีเดียวในมุมมองของตัวเองนะครับ
แปลว่าจริง ๆ แล้วการทำตามสิ่งที่เราถนัดอาจจะเป็นหนทางที่น่าสนใจไม่แพ้การทำตามความฝัน และอย่างในกรณีของผม พอเราทำอะไรได้ดี เราจะกลับมาชอบสิ่งนั้นเองในที่สุด
ไม่ใช่ผมคนเดียวนะครับ นักธุรกิจดัง ๆ อย่าง Mark Cuban เจ้าของทีมบาสเก็ตบอล Dallas Mavericks และผู้ประกอบการชื่อดัง ก็ยังเคยให้คำแนะนำว่า อย่าทำตามความฝัน ให้ทำตามสิ่งที่เราเก่งดีกว่า ซึ่งเรื่องราวของเขาคือเขาก็อยากเป็นนักบาสเก็ตบอลมาตั้งแต่เด็ก แต่เขารู้ว่าเขาไม่เก่งพอ เขาเลยหันไปทำสิ่งที่เขาถนัดคือการทำธุรกิจ และนั่นแหละที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาก ๆ และเขาก็หลงรักการทำธุรกิจไปด้วย
ดังนั้นเวลาเราเห็นคนสำเร็จเขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาสำเร็จเพราะเขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก เขาอาจจะไม่ได้โกหกนะครับ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะรักสิ่งนั้น หลังจากที่เขาเริ่มทำสิ่งที่เขาถนัดและยิ่งทำยิ่งดีก็ได้ ไม่ใช่เขาทำตามสิ่งที่เขารักมาตั้งแต่ต้น
ลองเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีมาก ๆ กันดูนะครับ ยิ่งทำได้ดี ผลลัพธ์ยิ่งดี และเราก็จะรักสิ่งนั้นเอง และสุดท้ายความสำเร็จก็อาจจะมาหาเราในที่สุดครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!