คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ จริงหรือ

ในระยะหลังมานี่ ผมว่าเรามักจะเห็นคนพูดเยอะว่า มหาวิทยาลัยกำลังจะล่มสลาย คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ และตัวอย่างเด่น ๆ ที่เรามักจะเจอก็คือ สตีฟ จอบส์ บิล เกตต์ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก และอีกหลายคนที่เป็นเศรษฐีระดับรวยมาก ๆ ของโลกนี้

จริงครับ ตัวอย่างมีให้เห็นไม่น้อย และคงไม่ใช่แค่เศรษฐีระดับโลก เอาแค่หลายคนที่เรารู้จักในประเทศเรา ที่เรียนไม่จบ แต่รวยมาก ๆ หรือประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็มีให้เห็น

จริงครับ ที่เดี๋ยวนี้ความรู้ไม่ได้อยู่เฉพาะในโรงเรียนหรือในมหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้คนสามารถศึกษาเองได้ แค่ YouTube เราก็ดูกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว และก็มีคนที่หางานทำในสาขาที่ตัวเองไม่ได้เรียนจบมาเลย แต่ไปหาความรู้ในอินเทอร์เน็ตกันเอง

จริงครับ ที่มีองค์กรหลายแห่งไม่ได้ดูใบปริญญาแล้ว ไม่สนใจว่าจะเรียนจบหรือไม่จบ หรือจบมาตรงสาขาไหม ขอเพียงแค่สามารถทำงานได้ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แปลว่าคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ ใช่ครับ ไม่จำเป็น แต่มันไม่ได้หมายความว่า คนที่เรียนไม่จบจะประสบความสำเร็จกันทุกคน

ตัวอย่างที่เราเจอ ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวอย่างเด่น ๆ พบเห็นได้เรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ใช่คนส่วนใหญ่แน่นอน คนที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ส่วนใหญ่เรียนจบนะครับ ไม่ว่าจะในประเทศเราหรือต่างประเทศ ถึงแม้ว่าตอนนี้เรามีสื่อต่าง ๆ มากมายที่เราเรียนได้ แต่คนที่สำเร็จมาก ๆ ในแต่ละสายงาน ส่วนใหญ่ก็ยังผ่านการศึกษาของโรงเรียน และมหาวิทยาลัยอยู่เช่นกัน น้อยคนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนในรูปแบบนี้

นี่ยังไม่ได้นับ วิชาชีพต่าง ๆ ที่เรายังไม่ได้เปิดกว้างให้คนไปศึกษาเองได้ ลองถามตัวเองครับว่าเราจะกล้าไปรักษากับคุณหมอที่บอกว่าตัวเองเรียนหมอผ่าน YouTube มา เรากล้าให้วิศวกรที่อ่านหนังสือเองมาสร้างตึกให้เราไหม หรือแม้ว่าคำตอบว่ากล้า ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เพราะมันผิดกฎหมายเลย

เรื่องประเด็นที่ว่าองค์กรหลายแห่งไม่ได้ดูใบปริญญา ใช่ครับ หลายแห่ง แต่ยังไม่ใช่ส่วนใหญ่ ไม่เชื่อลองไปดูประกาศรับสมัครงานดูก็ได้ครับว่า ถ้าไม่จบปริญญาตรีมา จะมีสักกี่ที่ที่เขารับ

ผมไม่ได้บอกว่าการจบปริญญาตรีเป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะเก่ง เราจะรู้มากกว่าคนที่เรียนไม่จบเสมอไป แต่อย่างน้อยมันก็ผ่านกระบวนการคัดกรอง กระบวนการวัดประเมินคุณภาพมาระดับหนึ่งแล้วว่า คน ๆ นี้ได้ศึกษาอย่างครบถ้วนและผ่านคุณภาพมาดีพอ แต่ถ้ามันมีองค์กรมาคัดครองหรือยืนยันส่วนนี้ ความเสี่ยงมันก็อาจจะเกิดขึ้น

ทิศทางในอนาคตเรื่องการเรียนในระบบอาจจะลดความสำคัญลงเมื่อเทียบกับอดีต อันนี้ชัดเจนครับ แต่เราอย่าเพิ่งไปคิดว่าการเรียนในระบบจะไร้ค่า ไม่ต้องไกลครับ แค่วินัยส่วนตัวของเรา ผมว่าถ้าเราเรียนเอง กับเราเรียนในมหาวิทยาลัยก็ต่างกันแล้วครับ คนที่เรียนในมหาวิทยาลัย ยังไงมันมีเวลาเรียน มีอาจารย์คอยดูแล สั่งงาน สั่งการบ้าน มีการสอบ ทำให้เราผ่านสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถึงแม้ว่าเราจะเหนื่อยไม่อยากทำ เราก็ทำจนได้

แต่ถ้าเราเรียนเอง ส่วนใหญ่ 4 ปี อาจจะเรียนได้ไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับการเรียนในมหาวิทยาลัยเลยก็ได้ วันนี้เหนื่อย ไม่เรียนดีกว่า อันนี้ไม่รู้เรื่อง เดี๋ยววันหลังค่อยกลับมาเรียน อะไรแบบนี้จะเป็นอุปสรรคอย่างมากในการเรียนเอง

อ้อ อีกนิดครับ สำหรับคนที่ยกตัวอย่างสตีฟ จ็อบส์ บิล เกตต์ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก คนเหล่านี้ เขาตั้งใจเรียนไม่จบ เพราะเขารู้แน่ ๆ แล้วว่าสิ่งที่เขาทำมันยิ่งใหญ่มาก และเขาได้ทำสิ่งนั้นมาแล้วด้วย ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เดินไปลาออกแล้วบอกว่าการศึกษาในระบบไม่จำเป็นนะครับ

เอาเป็นว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คงมาจากหลายปัจจัย แต่อย่าเพิ่งไปทึกทักว่าเราไม่จำเป็นต้องเรียนให้จบ เราก็จะสำเร็จได้เสมอไปแล้วกันครับ

ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit

Recommended Posts

No comment yet, add your voice below!


Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *