จุดเปลี่ยนชีวิต

จริง ๆ แล้ว ถ้าเราลองมองย้อนกลับไป ก็อาจจะคิดได้ว่าชีวิตเรามีจุดเปลี่ยนได้ทุกวันเลย เพียงแต่เรามองภาพไม่เห็นเท่านั้น เช่น ถ้าเราออกจากบ้านสายไป 1 นาที ทำให้เราไปไม่ทันไฟเขียวในแยกหนึ่ง ก็อาจจะทำให้เรารถติด หลังจากนั้นอาจจะไปทำงานสาย ทำให้เราโดนเจ้านายต่อว่า ซึ่งทำให้เราไม่พอใจ จนไปหางานใหม่ พอได้งานใหม่ เราก็เลยเจอผู้หญิงที่เราชอบ และได้แต่งงานกันในที่สุด

จะเห็นว่าแค่ออกจากบ้านสายไป 1 นาทีเท่านั้น อาจจะทำให้เราได้เจอกับภรรยาเราเลย ถ้าวันนั้นออกก่อน 1 นาทีก็อาจจะไม่เจอคนนี้ก็ได้

แต่สถานการณ์ข้างบน มันเป็นสถานการณ์ที่เรามองเห็นได้ยาก เพราะมันเหมือนเป็นเส้นทางชีวิตตามปกตินั่นแหละ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้แค่ออกจากบ้านสายนิดเดียว ชีวิตเราจะเปลี่ยนไป และถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้จริง ๆ คนส่วนใหญ่ก็ไม่คิดเชื่อมโยงขนาดนี้หรอก

แต่ที่กำลังจะบอกคือ ในชีวิตคนเรามันจะมีจุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัด ๆ มากกว่านี้อยู่ประมาณหนึ่งเหมือนกัน เอาแบบตัดภาพมาตอนโตหน่อยคือตอนเลือกมหาวิทยาลัย ผมว่าตอนนั้นเราก็มีทางเลือกหลากหลาย และการที่เราเลือกเรียนคณะใดคณะหนึ่งนั่นแหละคือจุดเปลี่ยนอันหนึ่งที่เห็นได้ชัด

ผมเคยสอบเข้าได้คณะหนึ่งตอนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ครับ ตอนนั้นเป็นการสอบเทียบ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ได้ไป และมาเข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่จุฬา ฯ ในปีถัดมา ลองคิดเล่น ๆ ว่าตอนนั้นถ้าเลือกเข้าไป ผมก็คงไม่ได้เรียนวิศวะ และก็คงไม่ได้ทำงานที่ทำงานที่ทำให้ผมเจอกับภรรยา และก็ไม่แน่ว่าผมจะมาเป็นอาจารย์เหมือนในปัจจุบันไหม

อีกจุดเปลี่ยนหนึ่งคือตอนเราจบการศึกษาแล้วหางานทำ อย่างผมตอนแรกก็กะว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศเลยทันที ไม่ได้คิดว่าจะทำงานเลย แต่วันหนึ่งมีจดหมายจากบริษัทหนึ่งมาให้ผมไปสอบ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ไปแหละ แต่เพื่อนที่ได้จดหมายบอกว่า เขาไม่ได้ส่งให้ทุกคนนะ เขาส่งให้เฉพาะบางคนที่ผลการเรียนดี เอ้า ไปก็ไป ไปกันหลายคนอยู่ ดันติดเป็น 2 คนที่สอบได้ คราวนี้เริ่มเสียดายแล้ว เหมือนกับว่ามันยากนะ แต่เราได้ ทำงานสักปีดีไหม

การตัดสินใจทำงานครั้งนั้นก็ทำให้ผมเจอกับภรรยาเลย จะเรียกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้ แต่อย่างว่าแหละครับ ตอนตัดสินใจก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นอกจากนี้จุดเปลี่ยนก็มีมากมายแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเรียนต่อ การตัดสินใจย้ายงาน การตัดสินใจมาเป็นอาจารย์ ฯลฯ ซึ่งสุดท้ายก็นำพาเรามาจนถึงปัจจุบัน

เราคงคาดเดาทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคตไม่ได้ แต่ถ้ามาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเหล่านี้ อยากชวนให้แต่ละคนลองใช้เวลาสักนิดหนึ่งในการไตร่ตรองความเป็นไปได้ ใช่ครับ ถึงไตร่ตรองแล้ว ผลก็อาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด แต่ก็น่าจะดีกว่าการตัดสินใจแบบไม่ไตร่ตรองเลยสักนิด

ส่วนอะไรที่มันผ่านมาแล้ว ก็อย่าไปเสียเวลาคิดย้อนกลับ เสียดายว่า ถ้าวันนั้นฉัน … แบบนี้เลยครับ ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมันผ่านไปแล้ว หรือถ้ายังปล่อยวางไม่ได้ ลองคิดว่า ก็ไม่แน่นะ เพราะตอนนี้เราก็กำลังเดินอยู่บนเส้นทางหนึ่งอยู่ และการตัดสินใจในอดีต ในที่สุดอาจจะนำไปสู่สิ่งดี ๆ มาก ๆ ในอนาคตก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้เรายังมองไม่ออกเท่านั้น

ใครจะไปรู้ล่ะ จริงไหมครับ

ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit

Recommended Posts

1 Comment

  1. อ่านจบแล้ว น่าสนใจครับอาจารย์ ผมเองก็มีจุดเปลี่ยนในชีวิตหลายอย่าง จุดเปลี่ยนแรก ตอนพ่อ (เตี่ย) ให้ไปบวช แล้วมีคนมาชวนให้ไปทำงานเป็นครู ต่อมาตัดสินใจเข้าอบรมที่สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย แล้วจับพลัดจับผลูเข้าทำงานได้ที่หอสมุดแห่งชาติ สมัยที่ยังอยู่ข้างสนามหลวง
    สรุปแล้วหากคิดย้อนไปในอดีต ผมมีจุดเปลี่ยนมากมายหลายอย่างเลย
    ขอบคุณสำหรับข้อเขียนดีดีเช่นนี้ของอาจารย์ครับ


Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *