ผมว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคที่จะเรียกว่าพยายามจะแข่งกัน Productive เราจะเห็นหนังสือจำนวนมากที่บอกเคล็ดลับต่าง ๆ ในการทำงานให้เสร็จหลาย ๆ อย่าง โดยใช้เวลาน้อยลง แต่คำถามคือ ทำงานเสร็จหลายงานในวันเดียว Productive จริงหรือ
เพื่อตอบคำถามนี้ เรามาทำความรู้จักคำว่า Productive กันก่อนครับ คำนี้มาจากคำว่า Productivity หรือที่แปลเป็นไทยว่าผลิตภาพ ซึ่งแท้จริงแล้วมันคืออัตราส่วนระหว่างผลผลิต (Output) ต่อปัจจัยนำเข้า (Input) เรามีความเชื่อกันว่า ถ้าเราสามารถใช้ปัจจัยนำเข้าน้อย ๆ ไปสร้างผลผลิตมาก ๆ เราก็จะมีเป็นคนที่ Productive
ถ้าเป็นการผลิต ปัจจัยนำเข้าเราก็อาจจะเป็นแรงงาน เงินทุน วัตถุดิบ ซึ่งพวกนี้ถ้าเราใช้เท่าที่จำเป็น สามารถไปสร้างผลผลิต เช่นสินค้าได้จำนวนมาก บริษัทเราก็น่าจะมีกำไรเพิ่มมากขึ้น หรือถ้าเป็นชีวิตส่วนบุคคล ถ้าเราใช้ปัจจัยนำเข้า เช่น เวลาที่น้อยลงสามารถทำงานได้มากขึ้น เราก็ถือว่าเป็นคนที่ Productive
จริง ๆ เราจะเป็นคนที่ Productive ก็คงไม่ผิดอะไรนะครับ เพียงแต่ว่า เราต้องมาคุยกันว่า คำว่า ทำงานได้ “มาก” ขึ้นนั้น เราหมายถึงอะไรกันแน่
หลายคนอาจจะมองว่า ทำงานได้ “มาก” แปลว่าทำงานได้เสร็จหลายงาน ถามว่าผิดไหม ก็คงไม่ผิดหรอกครับ ถ้าจะนิยามแบบนั้น แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า “มาก” น่าจะหมายถึงงานที่สำคัญ “มาก” มากกว่า “จำนวน” งานที่ทำได้
ทำไมจึงคิดเช่นนั้น คำตอบของผมคือ ผมก็ใช้ตามกฎ 80/20 นี่แหละครับ ปกติงาน 10 งานนั้น จะมีแค่ประมาณ 2 งาน (20%) ที่จะสร้างความสำเร็จให้เราได้ 80% ส่วน 8 งาน (80%) นั้นรวมกันแล้ว จะสร้างความสำเร็จให้กับเราได้เพียง 20% เท่านั้น
คราวนี้ลองเปรียบเทียบดูว่า วันหนึ่งถ้าเราทำงาน 2 งานนั้นเสร็จ เท่ากับว่าเรามีความสำเร็จไปแล้ว 80% เทียบกับการทำงานเสร็จ 8 งาน แต่ส่งผลต่อความสำเร็จเพียงแค่ 20% เท่านั้น แบบนี้อย่างไหนจะเรียกว่าเรา Productive กว่ากัน สำหรับผมคือ ทำงานที่ส่งผลมาก ๆ เสร็จ 2 งาน ดีกว่าทำงานที่ไม่ค่อยส่งผลเท่าไรเสร็จ 8 งาน น่าจะเรียกว่าเรา Productive มากกว่าจริงไหมครับ
แต่เชื่อไหมครับ กับดักอย่างหนึ่งที่เราเอาไว้ใช้หลอกตัวเราเองคือ บางทีเราก็รู้นะว่างานไหนสำคัญมาก งานไหนสำคัญน้อย แต่บางทีงานที่สำคัญมาก มันอาจจะยาก หรือเราไม่อยากที่จะทำ เราก็เลยผัดวันประกันพรุ่ง แต่คราวนี้เพื่อทำให้เราไม่รู้สึกแย่จนเกินไป บางที เราก็จะเริ่มไปหยิบงานที่ไม่ได้เร่งด่วน ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาทำก่อน
ไม่ต้องคนอื่นไกลหรอกครับ ผมก็เป็นบ่อย บางวันผมก็รู้นะครับว่างานสำคัญที่ควรจะต้องทำคือการตรวจข้อสอบ แต่บางทีพอเห็นกองข้อสอบ เราก็เหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำ ทั้ง ๆ ที่ Deadline ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ครั้นจะไม่ทำอะไรเลย มันก็จะรู้สึกผิด ผมก็มักจะเปลี่ยนไปทำงานที่อาจจะไม่สำคัญและเร่งด่วนมากนัก เช่น นั่งตอบ email ส่งเอกสาร เขียนหนังสือ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย
พอเราได้ทำอะไรเยอะแยะ เราก็จะหลอกตัวเองต่อว่า วันนั้นเป็นวันที่เรา Productive ทีเดียว เราทำงานเสร็จตั้งเยอะ แต่ในใจยังร้อนรน ยังรู้สึกค้างคาอยู่ดี เพราะเรารู้ว่างานที่สำคัญเรายังไม่ได้ทำแม้แต่น้อย
กลับกัน ถ้าวันนั้นทำงานเสร็จแค่งานเดียวคือตรวจข้อสอบกองโตนั้นเสร็จ และงานอื่น ๆ ที่ยิบย่อย เรายังไม่ได้ทำเลย ผมจะโล่งใจมากกว่า ดังนั้นคำว่า Productive อย่างน้อย ๆ สำหรับผมไม่ได้หมายถึงการทำงานจำนวนมากมายให้เสร็จ แต่กลับหมายถึงการทำงานที่สำคัญ ๆ ให้เสร็จมากกว่า ถึงจะมีจำนวนงานที่น้อยกว่าก็ตาม
แต่อันนี้ก็คงแล้วแต่แต่ละท่านนะครับ ผมว่าสไตล์การทำงานของแต่ละท่านก็อาจจะแตกต่างกันไป ดังนั้นคำว่า Productive ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่นิยามเดียวแน่นอน
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
No comment yet, add your voice below!