ทุกสิ้นปีก็ได้มีโอกาสย้อนกลับมาดูหนังสือที่ได้อ่านในปีที่ผ่านมา และก็ขอเลือกมา 15 เล่มที่อ่านแล้วชอบมากที่สุดนะครับ (คือบางเล่มก็ออกก่อนหน้านี้ แต่เพิ่งได้มาอ่านก็มีครับ) ผมเอามาเฉพาะหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ บางท่านอาจจะคิดว่า 15 เล่มเยอะไปไหม เห็นเขาชอบจัดอันดับหนังสือกัน 5 เล่ม หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 10 เล่ม ทำไมของผมเยอะจัง
ต้องบอกแบบนี้ครับ คือหนังสือภาษาอังกฤษผมอ่านในปีนี้ 56 เล่ม มันเลยตัดออกยากจริง ๆ ครับ นี่ยังเลือกเฉพาะภาษาอังกฤษเหตุผลเพราะว่า หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้อ่าน ถ้าเป็นไทยเป็น 100 กว่าเล่ม คงเลือกไม่ถูกเลย
เอาล่ะครับ ลองดูกันครับว่าผมชอบเล่มไหนบ้างสำหรับปี 2020 นี้ครับ เริ่มกันเลยครับ
1. 100 Things Millionaires Do: Little Lessons in Creating Wealth
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Nigel Cumberland เป็นหนังสือที่อ่านได้ง่าย ๆ แต่ได้ความรู้ที่น่าสนใจมากครับ เป็นข้อคิด 100 ข้อที่ผู้เขียนได้นำมาสรุปให้อ่านว่าคนที่เป็นคนรวยเขามักจะคิดหรือทำอย่างไร
ผมว่าค่อย ๆ ทยอยอ่านวันละ 1 ตอน 100 วันก็จบพอดี แล้วลองเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองดูครับว่าข้อไหนเราทำบ้าง ข้อไหนเรายังไม่ได้ทำ ข้อที่ไม่ได้ทำก็ลองนำมาทำดูครับ
2. The Blue Zones of Happiness: A Blueprint for a Better Life
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ลูกสาวผมซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ก็เป็นเล่มที่อ่านแล้วชอบครับ คนเขียนคือ Dan Buettner ที่มีชื่อเสียงกับงานเขียนที่เกี่ยวกับ Blue Zones ซึ่งคือพื้นที่ที่มีคนอายุยืนยาวอาศัยอยู่
หนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องความสุขโดยเฉพาะ โดยบอกว่าองค์ประกอบของความสุขมี 3P ได้แก่ Pleasure หรือความสนุก Purpose หรือการมีเป้าหมายชีวิต และ Pride หรือความภาคภูมิใจ
ในหนังสือได้ยกตัวอย่างประเทศที่มีคนมีความสุขอาศัยอยู่ได้แก่คอสตาริกา เดนมาร์ก และสิงค์โปร์ นอกจากนี้ยังพูดถึงแนวนโยบายที่แต่ละประเทศใช้ เพื่อทำให้คนในประเทศมีความสุขเพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจครับ
3. No Rules Rules: Netflix and the Culture of Reinvention
เป็นอีกเล่มที่ได้รับการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เล่มนี้คนเขียนคือ Reed Hastings ซึ่งเป็น CEO ของ Netflix กับ Erin Meyer ที่เป็นอาจารย์ที่ Insead
หนังสือเล่าถึงวัฒนธรรมองค์กรของ Netflix ที่เน้นการเลือกเอาเฉพาะคนเก่งและดีไว้ในองค์กร นอกจากนั้นก็สนับสนุนให้พนักงานทุกคนกล้าที่จะให้ Feedback ซึ่งกันและกัน จึงทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องมีระบบควบคุมมาก ซึ่งยิ่งทำให้พนักงานสามารถแสดงผลงานกันได้อย่างเต็มที่
ที่ชอบคือมันค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่เราเจอในองค์กรส่วนใหญ่โดยทั่วไปเลย จะค่อนข้างจะสุดโต่งทีเดียว แต่อ่านแล้วกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ได้อีกเยอะเลยครับ
4. Time Smart: How to Reclaim Your Time and Live a Happier Life
ถ้าจะให้เลือกหนังสือเล่มเดียวที่ชอบมากที่สุดที่ผมได้อ่านในปีนี้ก็คงเป็นเล่มนี้แหละครับ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Ashley Whillans ซึ่งเป็นอาจารย์จาก Harvard Business School
ที่ชอบเพราะอ่านแล้วทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลาเพิ่มมากขึ้นเลย หนังสือเล่าให้ฟังว่าทำไมคนเราถึงยุ่ง เวลาเราหายไปไหนหมด และแนะนำการนำเอาเวลาคืนมาจากการใช้ 3 แนวทางได้แก่ Find Time คือการหาเวลา Fund Time คือการซื้อเวลา และ Reframe Time คือการมองเวลาในรูปแบบใหม่ ๆ
จุดหนึ่งที่ผมชอบมากคือ Reframe Time นี่แหละครับ คือเวลาว่างที่เราได้กลับมามันสร้างความสุขให้กับเราได้ แต่เรามักจะมองไม่ออกว่าความสุขที่ได้มันมากน้อยแค่ไหน หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเห็นชัดขึ้น โดยแปลงความสุขเหล่านั้นเป็นตัวเงิน ที่เรียกว่า Happiness Dollars ลองอ่านกันดูครับ เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา
เล่มนี้หลายคนอาจจะแปลกใจว่าติดใน List ได้อย่างไร เพราะเอาจริง ๆ หนังสือเล่มนี้ก็ออกมานานแล้ว และ Trump ก็เป็นประธานาธิบดีที่ Controversial ในหลาย ๆ เรื่อง เล่มนี้เกิดจากการที่ผมชอบคุยกับลูกชายในช่วงตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งลูกชายตั้งคำถามว่า ทำไมคนอเมริกาจำนวนมากถึงได้ชอบ Trump ซึ่งผมก็บอกเขาว่า แสดงว่าเขาจะต้องมีอะไรดีบางอย่างที่เราไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะ Media ที่เราได้รับมันไปในทางที่ต่อต้าน Trump ซะส่วนใหญ่
วันเกิดผม ลูกชายเลยซื้อเล่มนี้ให้เป็นของขวัญแล้วบอกว่าพ่อลองอ่านแล้วมาเล่าให้ฟังหน่อย เล่มนี้เขียนโดย Donald Trump กับ Tony Schwartz เป็นเล่มที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1987 เป็นเรื่องราวของการสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ Trump เลยครับ
แต่อ่านแล้วเข้าใจตัวตนของเขาเลยว่าทำไมเขาถึงเป็นประธาธิบดีของอเมริกาที่แตกต่างจากคนอื่น เอาเป็นว่าใครอยากรู้จัก Trump ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องชอบเขาก็ได้นะครับ ลองอ่านเล่มนี้ดูครับ
หนังสือเล่มนี้รู้จักมาจากการได้อ่านหนังสือของ Mark Cuban มหาเศรษฐีของประเทศสหรัฐอเมริกา เขียนโดย Shaan Patel ซึ่งเป็นคนที่สอบ SAT ได้คะแนนเต็ม และได้เรียนหมอที่ University of Southern California และไปต่อ MBA ที่ Yale รวมถึงเป็นผู้ประกอบการเปิดโรงเรียนกวดวิชาสอบ SAT ที่ประสบความสำเร็จ และเขาก็ได้เข้าไปในรายการ Shark Tank ที่เป็นรายการที่ผู้ประกอบการมานำเสนอสินค้าและบริการ เพื่อให้ Shark คือนักลงทุนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุน
หนึ่งใน Shark ก็คือ Mark Cuban นี่แหละครับ เขาเป็นคนเดียวที่ตัดสินใจลงทุนในกิจการของ Shaan ในหนังสือเล่มนี้ Shaan ก็ได้นำเอาบทเรียนต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจมาสรุปให้ฟัง
เอาเป็นว่าใครอยากเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ลองอ่านกันได้นะครับ
7. How to Win at the Sport of Business: If I Can Do It, You Can Do It
เล่มนี้เขียนโดย Mark Cuban ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกาและเป็นเจ้าของทีมบาสเก็ตบอล Dallas Mavericks ผมสนใจแนวคิดของ Mark Cuban มาตั้งแต่ไปอ่านข้อคิดเห็นอันหนึ่งที่เขาบอกว่า Don’t follow your dream, follow your effort ซึ่งแปลว่า เราไม่ต้องไปทำตามความฝันหรอก เราทำในสิ่งที่เราทำได้ดีดีกว่า
หนังสือเล่มนี้ก็เล่าเรื่องของ Mark Cuban ตั้งแต่เด็ก ๆ จนเรียนมหาวิทยาลัย และมาทำธุรกิจจนประสบผลสำเร็จ อ่านแล้วชอบเลยครับ เขามีแนวคิดที่ไม่ค่อยเหมือนใครดี และก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ประการใด
ใครอยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากแนะนำให้อ่านเล่มนี้ดูนะครับ
8. The Psychology of Money: Timeless lessons on wealth, greed, and happiness
ผมเคยคิดมาตลอดว่าความรวยก็คล้าย ๆ การลดน้ำหนัก คือไม่ใช่เราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เรารู้หมด แต่เราทำไม่ได้สักที
เหตุผลประการหนึ่งมันอยู่ที่เรื่องจิตวิทยานี่แหละครับ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Morgan Housel ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาที่เกี่ยวกับเรื่องเงินไว้ได้อย่างน่าสนใจ คือถ้าจะให้สรุปคงเขียนได้หลายหน้าทีเดียว
เอาเป็นว่าอยากประสบความสำเร็จทางการเงิน นอกจากความรู้ทางการเงินที่ต้องมีแล้ว อยากแนะนำให้เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาทางการเงินด้วย และเล่มนี้น่าจะตอบโจทย์ท่านได้ครับ
9. Dollars and Sense: How We Misthink Money and How to Spend Smarter
ยอมรับเลยครับว่าเป็นแฟนหนังสือของอาจารย์ Dan Ariely ที่แต่งหนังสือในแนวเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมหลายเล่ม
แต่เล่มนี้จะเน้นในเรื่องการใช้จ่ายเงินอย่างเดียวครับ ในหนังสือชี้ให้เห็นถึงลักษณะของคนเราที่อาจจะไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไรในเรื่องการใช้จ่ายเงิน เช่น ถ้าเสื้อราคาเท่านี้เราไม่ซื้อ แต่ถ้าร้านตั้งราคาเสื้อเพิ่มสูงขึ้น (โดยไม่ต้องมีเหตุผลใด ๆ ) และบอกว่าลดราคาเท่านี้เปอร์เซ็น เราจะสนใจซื้อทันที คือเราซื้อโดยไม่ได้ดูว่าราคานั้นมันเหมาะกับสิ่งที่เราได้ แต่เรากลับซื้อเพราะไปเปรียบเทียบกับราคาที่ถูกตั้งไว้
ในหนังสือมีกรณีศึกษามากมายที่อ่านแล้ว ก็ต้องพยักหน้าในหลาย ๆ ครั้งว่า เออ จริง อันนี้เราเลย ลองอ่านกันดูนะครับ
10. Built to Serve: Find Your Purpose and Become the Leader You Were Born to Be
หนังสือเล่มนี้แต่งโดย Evan Carmichael คนที่เขียนเรื่อง Your One Word เป็นหนังสือที่เล่าให้ฟังถึง 3 เรื่องที่เราควรตอบคำถามตัวเองให้ได้ มาจากคำว่า Who Why และ How
โดย Who ก็คือการหาตัวตนเราให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรยึดถือเป็นหลักของชีวิต ส่วน Why คือการค้นหาว่าเราจะทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร โดยเราอาจจะนึกถึงความลำบากที่เราเคยผ่านมาได้ จะทำให้เรามีแรงอยากทำสิ่งนั้นเพื่อช่วยคนอื่น และ How คือการที่เราจะทำอย่างไรเพื่อจะส่งต่อสิ่งนั้นให้กับคนอื่นได้
เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่อยากเริ่มทำอะไรสักอย่าง ที่สามารถต่อยอดการเป็นอาชีพหรือธุรกิจของเราได้ครับ
11. The Catalyst: How to Change Anyone’s Mind
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนคนโปรดของผมอีกคนคืออาจารย์ Jonah Berger เล่มนี้ได้เขียนถึงแนวทางทำให้เราสามารถเปลี่ยนใจคนอื่นได้
ชื่อ Catalyst มีความหมายคือตัวเร่งปฏิกิริยา โดยแนวคิดการเปลี่ยนใจคนอื่นคือเราต้องให้เขาเป็นคนที่อยากเปลี่ยนเอง โดยเราจะต้องลดอุปสรรคในการเปลี่ยนใจของเขาลง
คำถามที่เป็น Theme หลักของหนังสือเล่มนี้คือ อะไรเป็นสิ่งขัดขวางทำให้เขาไม่เปลี่ยนใจตั้งแต่แรก หาสิ่งนั้นให้เจอ และทำให้ลดลง
สำหรับคนที่อยากให้คนอื่นเปลี่ยนใจ อ่านเล่มนี้เลยครับ
12. The Formula: The Universal Laws of Success
เป็นหนังสือที่ตอนแรกคาดไม่ถึงว่าอ่านแล้วจะชอบมาก หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Albert-László Barabási เป็นหนังสือที่บอกถึงสูตรแห่งความสำเร็จ ที่ไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง แต่เอามาจากงานวิจัยที่น่าสนใจหลาย ๆ งาน
ที่ชอบที่สุดคือความสำเร็จมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งอย่างเดียว โดยเฉพาะงานที่เราแยกผลลัพธ์ออกยาก เช่น งานศิลปะ บางทีความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับ Network ด้วย พออ่านแล้วได้คิดต่อยอดอะไรได้อีกหลายอย่างเลยครับ
ใครอยากสำเร็จ ลองอ่านดูได้ครับ
ใครที่อยากอ่านงานเขียนชื่อ Principles ของ Ray Dalio แต่รู้สึกท้อใจจากความหนาของหนังสือ หรืออ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ผมอยากแนะนำให้เริ่มจากเล่มนี้ก่อน
เล่มนี้มีภาพประกอบตลอดเรื่องครับอ่านง่าย แต่ได้ประโยชน์มาก ๆ เขาคัดหลักการที่นำไปสู่ความสำเร็จมา อ่านแล้วทำให้เราได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่างเลย
14. The Art of the Good Life: 52 Surprising Shortcuts to Happiness, Wealth, and Success
เป็นหนังสืออีกเล่มที่พูดถึงเรื่องการมีชีวิตที่ดี มี 52 บทสั้น ๆ ทยอยอ่านไป จริง ๆ สัปดาห์ละบท ปีหนึ่งก็อ่านจบ
เขียนโดย Rolf Dobelli ครับ อ่านง่ายไม่ยาก หนังสือพูดถึงเรื่องความสุข ความมั่งคั่ง และความสำเร็จ สำหรับผม ผมอ่านแล้วนำมาเป็น Checklist ว่าเราได้ทำแบบนี้ไหม ถ้าไม่ได้ทำ ก็คิดต่อว่าเราควรทำไหม
เอาลองมาปรับใช้กับชีวิตเรากันดูนะครับ
15. Dare: The New Way to End Anxiety and Stop Panic Attacks Fast
เล่มนี้อาจจะเฉพาะเจาะจงหน่อยครับ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวทางการจัดการ Panic Attack
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Barry McDonagh โดยเขาบอกว่าแนวทางการจัดการ Panic Attack คือ DARE ซึ่งเป็นชื่อย่อมาจาก D = Defuse คือการถอดชนวน คืออย่าไปคิดอะไรมาก A = Allow คือยอมรับความกลัวเข้ามาว่าเป็นสิ่งปกติ อย่าขัดขืนต่อต้านความกลัว R = Run toward it คือให้เราวิ่งตามความกลัวนั่น และ E = Engage คือการเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งอื่นแทน
ใครที่มีอาการ Panick Attack รู้สึกตื่นกลัวจนเกินเหตุ อยากแนะนำให้ลองอ่านเล่มนี้ดูครับ
นี่คือหนังสือ 15 เล่มที่ผมชอบที่สุดในการอ่านของปี 2020 นี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ทาง Page Nopadol’s Story หรือ Nopadol’s Story Podcast ใน Podbean Soundcloud Apple Podcast Spotify YouTube หรือ Blockdit
2 Comments
อยากทราบว่าเล่มไหนมีแปลเป็นไทย หรือกำลังแปลนี่ จะหาคำตอบได้ที่ไหนครับ หรือต้องรอดูบนแผงหนังสืออย่างเดียว?
Search Google ตามชื่อหนังสือ และต่อด้วยคำว่าภาษาไทย ผมว่าถ้ามีน่าจะขึ้นมาให้นะครับ